DAY73
วันนี้ อสุเอะจัง ขุดพบ "บ่ำนำุร้อน"
ทุกวันนี้เวลาพวกเราอาบน้ำเราจะเดินไปอาบที่ลำธาร หรือใช้น้ำจากสปิริตโสตน ผมตระหนักได้เลยว่าไม่ใช่แค่ผมเพียงคนเดียวที่อยากจะลองลงไปแช่อาบน้ำในบ่อน้ำพุร้อนที่เพิ่งขุดเจอในวันนี้
ตอนนี้ผมเริ่มมีความคิดที่จะอยากสร้าง โรงอาบน้ำ ขึ้นมาสะแล้วสิ เพื่อให้พวกเราทุกคนได้ผ่อนคลายโดยน้ำร้อนจากบ่อน้ำพุร้อนนี้ ผมคิดว่ามันเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกใยนี้ ทำไมน่ะหรือ ก็เพราะการแช่บ่อน้ำพุร้อนมันสุดยอดไปเลยนะซี่
โอ้ มันจะกลายเป็นสีสันของถ้ำของเรา นั่นทำให้ผมทุ่มเททั้งหัวใจและวิญญาณของผมในการก่อสร้างบ่อน้ำพุร้อนนี้ไปกับ อสุเอะจัง โชคดีที่เรามีแรงงานที่ไม่ต้องการพักผ่อน จากเวทย์ซัมม่อนสเกลตันของผม ด้วยประสิทธิภาพเหล่านี้ กระบวนการก่อสร้างดำเนินไปอย่างรวดเร็วอย่างไม่่น่าเชื่อ
ด้วย อสุเอะจัง ผมเอง และ แรงงานสเกลตันของผม งานทั้งหมดเสร็จสิ้นลงก่อนเวลาเย็น ผมแบ่งห้องอาบขนาดใหญ่ออกเป็นห้องผู้ชายและห้องผู้หญิง โดยห้องผู้ชายมีขนาดใหญ่กว่าโดยดูจากจำนวนพรรคพวกที่เรามีอยู่ในปัจจุบันนี้ ผมยังเพิ่มห้องพิเศษส่วนตัวอีกสามห้องสำหรับบริการให้แก่สมาชิกระดับสูงของกลุ่มเราเช่นออคก้าคิจิ หรือผมเอง
ทั้งหมดทั้งหมวลมันจึงกลายเป็นโรงอาบน้ำขนาดใหญ่
บางส่วนของโรงอาบน้ำมีส่วนที่ผ่านออกไปนอกภูเขาทำให้มีส่วนอาบน้ำที่เปิดโล่งเห็นท้องฟ้าด้วย ตัวภูเขาเองก็ใหญ่จนไม่สามารถค้นหาส่วนนี้ได้จาหภายนอก ที่ส่วนใหญ่เป็นหน้าผา ที่จะต้องบินขึ้นมาเท่านั้นถ้าจะขึ้นมาทางหน้าผา เพื่อความปลอดภัย โรว ติดตั้งกับดักบริเวณหน้าผาหลายจุด เพื่อรักษาความปลอดภัยของฐาน
หลังจากกินอาหารเย็นเสร็จเรียบร้อย แน่นอนพวกเราทุกคนตรงไปยังห้องอาบน้ำเพื่อการแช่น้ำครั้งแรกของทุกคน
เป็นครั้งแรกในชีวิตของทุกคน พวกเราได้สัมผัสถึงพลังในการรักษาแห่งบ่อน้ำพุร้อน
ตอนขุดเจอบ่อน้ำร้อนครั้งแรก ผมทดสอบดื่มมันเล็กน้อยเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีอันตราย แน่นอนว่ามันไม่มีอันตรายแถมยังมีผลต่อการรักษาให้กับร่างกายอีกด้วย
.....ในเวลานี้พวกเรากำลังแช่น้ำพุร้อน..... มันช่างเป็นการค้นพบที่อัศจรรย์ที่สุด
DAY74
ดูเหมือนว่ากองกำลังฝ่ายมนุษย์จะสูญเสียกำลังพลไปจำนวนมาก จากกับดัก และการรบกับเผ่าเอลฟ์ที่ได้ร่วมมือกับพวกเรา
บวกกับการเคลื่อทัพอย่างเชื่องช้าของพวกมนุษย์ พวกเราจึงดูเหมือนจะได้เปรียบต่อกองทัพมนุยษ์
กับดับ 4 ชั้นแห่งการสังหารหมู่อันน่ากลัวถูกนำมาใช้ โดยการสอนของ Farther Elf
แต่น่าเสียดาย มันชัดเจนแล้วว่าข้อมูลภายในของเรามีการรั่วไหลออกไป
พวกเราเตรียมและวางกับดักบริเวณที่ซุ่มโจมตีในป่าในเส้นทางที่มนุษย์จะเคลื่อนทัพผ่าน เพียงแต่กองทัพมนุษย์นั้นเหมือนจะรู้ตัวและถอยกำลังกลับทันที
การที่มีศัตรูเข้ามาแทรกซึมเพื่อสืบข้อมูลต่างๆนั้นน่ารำคาญจริง ดังนั้นวันนี้พวกเราจึงเปลี่ยนแผนเป็นไปโจมตีึค่ายเสบียงที่ท้ายป่าของกองทัพมนุษย์แทน การเปลี่ยนเป็นการโจมตีกระทันหันนี้เพื่อป้องกันการรั่วไหลของข้อมูลไปยังมนุษย์ได้
เสบียงในการเดินทางของกองทัพมนุษย์สำคัญไม่มากน้อยไปกว่าความเป็นและความตาน เปรียบดั่งน้ำและอาหารกลางทะเลทราย แต่จากการโจมตีครั้งที่ผ่านมาของพวกเรา ศัตรูได้เพิ่มความระมัดระวังเพิ่มขึ้นสังเกตุจากขนาดของกองกำลังในการป้องกันได้เพิ่มเป็นสองเท่า เพื่อรักษาขวัญกำลังใจของกองทัพ เสบียงและอุปกรณ์กองทัพอย่างธนูและกระสุนปืนต้องลำเลียงไปยังกองทัพเพื่อให้กองทัพสามารถเดินหน้าโจมตีต่อไปได้
การเข้าโจมตีกองเสบียงในครั้งนี้มันจะเป็นการฆ่านกสองตัวด้วยหินก้อนเดียว
สักพักหนึ่งข้ามท้องทุ่งไปกองเสบียงเริ่มโผล่เข้ามาในระยะการมองเห็นของเรา โดยปรกติแล้วเราจะไม่เป็นฝ่ายเข้าไปบุกหากทางเรามีจำนวนน้อยกว่า จากที่ผมเห็นมีทหารไม่น้อยกว่า 50-100 คนในขบวนขนเสบียง ในตอนนี้ผมคิดถึงเชลยศึกของเราที่ในตอนนี้มีจำนวนประมาณ 200 คน
จากที่ผมเห็นมีสเบียงที่เพียงพอสำหรับทหาร 600 คนหรือมากกว่า มากกว่าจำนวนสเบียงที่กองทัพเราต้องการสามเท่า ในตอนนี้เราเพียงรอว่าเมื่อไหร่จะประเคนการโจมตีใส่เพื่อชิงเสบียงนี้มา
การหยุดขบวนขนส่งนี้ได้จะช่วยลดความเสียหายที่เราจะเจอในอนาคตด้วย
ในสถานการณ์ขณะนั้น ผมตัดสินใจจะรอจนกว่าขบวนเสบียงจะเข้าไปในข้างในป่า ไปตามเส้นทาง..ขบวนเสบียงเริ่มเข้าไปใกล้ค่ายของมนุษย์ขึ้นเรื่อยๆ , ซึ่งเป็นข้อมูลที่ผมได้มาจากอัศวินหญิง และ อัศวินเกราะสนิม
มาดูฝั่งเชลยทาสที่ผมพามาด้วย
สีหน้าของทาสเริ่่มเขียวดูไม่ค่อยดี เมื่อเร่งพลังในการควบคุมทาสมากขึ้น มันแทบจะเหมือนการควบคุมพวกเขาจากภายใน ด้วยพลังการควบคุมระดับนี้แม้แต่การขยับนิ้วของทาสก็ยังเป็นไปตามความต้องการของผม พูดจริงนะถึงแม้จะเป็นการใช้สกิลควบคุมทาสบังคับ แต่มันก็ช่วยไม่ได้เพราะสำหรับผมพวกทาสนี้เป็นแค่เบี้ยที่ใช้แล้วทิ้งเพียงเท่านั้น ที่จริงผมจะรู้สึกดีมากกว่าถ้าพวกนี้จะสมัครใจอยู่กับพวกเราแบบอัศวินเกราะสนิม แต่เหตุการที่ออกมาเป็นแบบนี้ก็เพราะมันไม่ใช่อย่างนั้นยังไงล่ะ อาการที่พวกเขาแสดงออกนั้นหมองมัวมาก อย่างไรก็ดีพวกเขาถือเป็นส่วนหนึ่งของแผนอันสุดแจ่มของผม
เมื่อลองคิดดูแผนนี้ก็ไม่ได้ซับซ้อนอะไร ผมเลือกเอาอัศวินที่เหมือนจะเป็นชนชั้นสูงมาสิบคนที่ไม่มี [job] หรือไม่ค่อยมีค่าประสปการณ์มากนักมาใช้งาน พวกนี้คือพวกที่ไม่ค่อยมีค่าอะไรกับผม ส่วนที่เหลืออัศวิน 17-20 คนถูกเลือกโดยอัศวินเกราะสนิมให้กลายเป็นหน่วยเสบียง
ด้วยความสามารถในการควบคุมทาส ผมสามารถเร่งความต้องการฆ่าของเขาให้วิ่งเข้าไปห้ำหั่นกับศัตรูได้ง่ายๆ
ในจุดนี้มิตรก็จะเป็นศัตรู ไม่ว่าศัตรูที่อยู่ตรงหน้าจะเคยเป็นมิตรมาก่อนหรือไม่ว่าพวกมันจะใส่ชุดอะไรหรือเผ่าพันธ์อะไร ความสามารถของผมสามารถเล่นตลกกับความคิดของทาสได้ สลับและเปลี่ยนจิตใต้สำนึกให้เป็นไปตามที่ผมต้องการ ไม่มีโอกาศที่จะช่วยอะไรพวกนี้ได้สักนิด และแผนของเราก็ยังต้องดำเนินต่อไป
พวกเราซ่อนตัวอยู่ใต้ต้นไม้ในเส้นทางที่ขบวนเสบียงผ่าน และซ่อนพวกทาสใว้ใกล้เส้นทางในจุดที่มั่นใจว่าได้ว่าขบวนศัตรูจะไม่เห็นทาสที่ซ่อนอยู่ ทันทีที่ขบวนเสบียงศัตรูเข้ามาในระยะ หน่วย [Tirard] หน่วยโจมตีระยะไกลของเราจะโจมตีด้วยธนูจากเครื่องยิงธนูอัตโนมัติ repeating crossbow ที่ลูกธนูอาบด้วยพิษของผม ผสมการโจมตีด้วยเวทมนย์จาก ฮ๊อบก๊อบบลินเมจ ที่ผมพามาและ ฮ๊อบก๊อบบลินชาแมน ที่สามารถควบคุมผีได้ 6 ตัว ป่านั้นหนาทึบมากทำให้ยากต่อการยิงด้วยธนูและเวทมนย์แต่นั่นก็ทำให้ศัตรูยิงโจมตีกลับเราได้ยากเช่นกัน แต่จุดประส่งค์ของการโจมตีนี้ก็เพียงเพ่ื่อหยุดการเคลื่อนไหวของขบวนศัตรูให้อยู่กับที่และลดกำลังพลศัตรูลงนิดหน่อยเท่านั้น
ทั้งหมดก็เพื่อการโจมตีปิดไคลแม็กเพื่อจบการต่อสู้
การโจมตีระยะไกลผ่านไปเป็นระยะเวลาสั้นสั้น อัศวินลูกคุณหนูทั้งสิบก็โผล่เข้าไปปะปนกับขบวนเสบีงของศัตรูพร้อมๆกัน
สำหรับการโจมตี้นี้เป็นไคลแม็กของเรา ผมได้เตรียมการพิเศษโดยให้แต่ละคนถือเมล็ดระเบิด [Burst Seed] โดยให้แต่ละคนกระจายไปอยู่รอบๆตำแหน่งของขบวนศัตรู
พลังของเมล็ดระเบิดนั้นสูงมากและกระบวนการผลิตนั้นง่ายมาก ถ้าเป็นในพื้นที่คนอาศัยอยู่หนาแน่นด้วยปริมาณเมล็ดระเบิดที่มากพอการระเบิดครั้งหนึ่งสามารถทำให้มีผู้เคราะร้ายได้มากกว่า 50 คน มันช่างเป็นอาวุธที่ทรงพลังแถมสามารถผลิตได้ในปริมาณมากด้วยราคาที่ถูก เพราะพลังโจมตีของระเบิดนั้นรุนแรง ผู้ใช้จึงมีความเสี่ยง แต่คราวนี้ผู้ใชเเป็นทาสที่เป็นเหมือนเบี้ยใช้แล้วทิ้ง ถ้ามันจะตายก็ให้มันตายไป เป็นค่าเสียหายที่ผมไม่คิดมาก
รอยยิ้มชั่วร้ายแสยะอยู่บนหน้าของผม ผมสั่งจุดระเบิดเมล็ดทั้งหมดทันที
เสียงระเบิดกว่า 300 ครั้งดังขึ้นสู่ท้องฟ้า เสียงร้องครวญดังไปทั่วป่า
หลังจากการระเบิด ผู้ที่ยังเหลือรอดอยู่ในภาวะสับสนและตระหนก ถูกเข้าโจมตีโดยหน่วยเสบียงของเรานำโดยอสุเอะจัง ทำการเข้ายึดเสบียงทันที
ขนาดของรถเสบียงนั้นสูงเกือบสองเมตร ใหญ่เกินที่จะเข้าถ้ำของเรา พวกเราจึงให้หน้าที่แบกของเป็นของมนุษย์ที่ถูกเราจับ พิษที่ถูกใช้ในการโจมตีคราวนี้เป็นพิษที่ทำให้มึนงง ทหารที่ถูกพิษเข้าไปจะล้มลงไปกองกับพื้นเหมือนเนย ถึงจะไม่ตายแต่ก็ไม่สามารถต่อสู้ได้
ผมสั่งให้พวกเราเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วทันทีใช้สกิล [Tone of Red Crystal] และ [Job Minstrel] (สกิลที่ช่วยในการออกคำสั่ง และ พลังของอาชีพ นักขับร้อง) ในการออกคำสั่งจัดการกับปัญหา มันเป็นการดีที่เราจะดำเนินการไปพร้อมกับระวังตัวไปด้วย เพราะอาจจะมีกำลังเสริมของศัตรูที่เข้ามาสำรวจจากแรงระเบิดเมื่อสักครู่ แต่ละคนถูกสั่งให้ทำหน้าที่ของตัวเองอย่างรวดเร็ว
โอ้ใช่... ในจำนวนอัศวินลูกคุณหนูทั้งสิบคนที่ผมส่งไปวางระเบิดเมล็ดระเบิดนั้น สามคนถูกแรงระเบิดตาย สองคนได้รับบาดเจ็บจากสะเก็ดระเบิดของเมล็ดระเบิด และห้าคนไม่ได้รับบาดเจ็บและกลับมาอย่างปลอดภัย นี่เป็นรายงานผู้เสียชีิวิตของฝั่งเราในครั้งนี้ ศัตรูที่ยังมีชีวิตถูกพวกเราเกณมา คนที่บาดเจ็บได้รับการปฐมพยาบาล ส่วนเหยื่อที่ตายไปกับระเบิดถูกพวกลูกน้อง "แดรก"
ผู้ที่ต่อสู้ได้ดีจะได้รับอาหารและมีชีวิตต่อไป ตราบใดที่ยังมีประโยชน์อยู่จะถูกใช้งานไปจนกว่าจะตาย นี่เป็นหลักการในการควบคุมเชลยของผม
เอาล่ะ จำนวนผู้ที่ถูกจับตัวมาวันนี้มีน้อย และเหมือนทุกครั้งอุปกรณ์ควบคุมทาส ปลอกคอ และที่ติดหู ถูกสวมใส่ลงไป และการจิตใจของทาสก็ถูกควบคุม ผมรับแบ่งส่วนอาหาร หัวใจ และ วัสดุ ที่ได้จากการต่อสู้กัน
ความสามารปลดล๊อค [Continuation Thrust] การรุกรานต่อเนื่อง
ความสามารปลดล๊อค [Greater Stabbing] การแทงอย่างแรง (ขั้นสองของ stabbing)
ความสามารปลดล๊อค [Higher Sneak] การแอบดูขั้นสูง
ความสามารปลดล๊อค [Armor Pierce] เจาะกราะ
ความสามารปลดล๊อค [Dancing Kenarashi] ??
ความสามารปลดล๊อค [Attacking Force] ทัพโจมตี
ความสามารปลดล๊อค [Job-Ranger] อาชีพเรนเจอร์
ความสามารปลดล๊อค [Job-Occupation and Supply Soldier] อาชีพยึดครองทหาร
ผมได้รับศิลปะการรบบางอย่างที่ผมเคยพูดคุยกับอัศวินเกราะสนิมก่อนหน้านี้ [Continuation Thrust] และ [Dancing Kenarashi] ผมต้องหาโอกาศทดสอบ ศิลปะการรบ นี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้... แต่สำหรับตอนนี้ผมรู้สึกพอใจกับสกิลที่ผมได้รับมาใหม่
ผู้บาดเจ็บและเชลยศึกใหม่ถูกพากลับมายังถ้ำ
พวกเชลยศึกใหม่นั้นไม่ค่อยแข็งแกร่งดังนั้นผมจะใช้พวกนี้เป็นเบี้ยสำหรับการรบในอนาคต... พวกเขาดูอ่อนแอจริงๆ มาดูเสบียงที่ได้มาบ้าง ผมตัดสินใจแบ่งครึ่งหนึ่งให้กองกำลังเอลฟ์ และอีกครึ่งเป็นรางวัลที่สมเหตุสมผลสำหรับความพยายามของพวกเรา
สำหรับเหตุการณ์ปัจจุบัน แน่นอนว่าผมจะเดินทางคุ้มกันไปกับขบวนเสบียงเพื่อไปขายให้กับ พ่อเอลฟ์ ด้วยตัวเอง (Farther Elf) มันน่าจะได้สิ่งตอบแทนมาเป็น เมจิค ไอเท็ม จำนวนมาก ผมยังบอกเล่าข้อมูลทางทหารบางอย่างให้กับ พ่อเอลฟ์ และได้รับเอลฟ์ไวน์มาเป็นของรางวัลเอากลับถ้ำแถมมาด้วย
จากเรื่องราวที่เรารู้มาก่อนหน้า มนุษย์นั้นต้องการ แรร์ โพชั่น Elixir ที่สร้างมาจากการอวยพรแห่งเทพ [Dark green Demigod] แม้ว่าฝั่งอาณาจักรจะยิ่งใหญ่เพียงใดก็ไม่สามารถหามันได้จากที่อื่น พ่อเอลฟ์ ตัดสินใจว่ามันจะเป็นการปลอดภัยที่สุดที่จะฝาก Elixir ให้พวกเราเก็บรักษา
ผมเริ่มไตร่ตรองอย่างละเอียดปัญหาระหว่างสองฝั่งมนุษย์และเอลฟ์ ทำไมให้ ออค กลายเป็นคนจัดการความสงบให้นะ... เป็นเรื่องที่น่ารำคาญจริงๆ แต่ถึงยังไงผมก็ได้แอลกอฮอจำนวนหนึ่งไปให้พวกลูกน้องล่ะนะ ผมว่ามันก็โอเคล่ะ
ผมปิ้งไอเดียอะไรบางอย่างออก ผมเปิดฝาขวด Elixir ออกแล้วกินมันซะ
ความสามารปลดล๊อค [High-Speed Reproduction] การผลิตใหม่อย่างรวดเร็ว
ความสามารปลดล๊อค [Elixir Blood] เลือดแห่งยาอายุวัฒนะ
ผม..... !!??
เลือดของผมกลายเป็น ยาอายุวัฒน !? ผมทดสอบกับทาสที่ยังไม่หายจากการบาดเจ็บ
.....
บาดแผลฟื้นฟูหายสนิททันทีในพริบตา
นั่น... อะไรน่ะ.... สิ่งนี้ทำให้ผมกังวลจริงจริง
ในเมื่อมันกลายมาเป็นอย่างนี้ ทั่วทุกเผ่าพันธ์จะเพ่งเล็งเป้าหมายมายังออคผู้มีเลือดแห่งยาอายุวัฒนเลือดที่มีค่ามากยิ่งกว่าทอง ผมเกรงว่ามันจะกลายเป็นแบบนั้นไป เพราะความสามารถในการรักษาของเลือดผมตอนนี้มันบ้ามากเข้าขั้นอภินิหาร ผมไม่อยากเสี่ยงให้เรื่องนี้เปิดเผยออกไป
ในเมื่อสิ่งมีชีวิตนั้น โลภมาก เย่อหยิ่ง ดื้อรั้น ผมต้องพยายามทุกทางไม่ให้เรื่องราวนี้มีใครรู้เด็ดขาด ถ้าหากมันถูกเปิดเผยออกไปล่ะก็ผมก็อาจจะตกเป็นเป้าหมายการฆ่าได้ แค่คิดก็หนาวถึงกระดูกแล้ว
เอาใว้ผมจะมาคิดเรื่องรายละเอียดภายหลัง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น