วันเสาร์ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2558
Overlord Vol.1 Prologue
อัศวินในชุดเกราะได้ชูดาบขึ้น เบื้องหน้าของเด็กสาว และน้องสาวของเธอ
การจบชีวิตเด็กสาวทั้งสองอย่างรวดเร็วในคราเดียวดูจะเป็นความเมตตาหนึ่งเดียวที่อัศวินจะมอบให้ได้ จากแสงสะท้อนของดวงอาทิตย์คมดาบได้ถูกเงื้อสูงขึ้นในอากาศ
เด็กสาวปิดตาลงพร้อมกับขบริมฝีปากล่างเอาไว้ สีหน้าที่เด็กสาวแสดงออกมาสื่อได้อย่างชัดเจนว่าเธอไม่ได้คิดเอาไว้เลยว่าต้องตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ สิ่งเดียวที่ทำได้คือการยอมรับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น หากเธอมีพลังที่จะจัดการสถานการณ์ตรงหน้า เธอคงจะใช้มันกับอัศวินตรงหน้า แล้วรีบหนีไปอย่างรวดเร็ว
แต่ในความเป็นจริงเด็กสาวไม่มีพลังอะไรเลย
นอกจากนี้พวกเธอสองพี่น้องไม่มีตัวเลือกอื่นใดนอกจาก...........พวกเธอกำลังถูกกำจัด
ตัวดาบถูกวาดลงมาอย่างรวดเร็ว
หากแต่เด็กสาวไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดอันใด
เธอค่อยเปิดตาที่ปิดไว้ออกมา
สิ่งที่เด็กสาวเห็นเป็นสิ่งแรกหากให้เธออธิบายเป็นคำพูดออกคงบอกว่าได้คมดาบที่ควรผ่าล่างของพวกเธอพี่น้องกลับหยุดนิ่งตรงหน้า
สิ่งที่เด็กสาวเห็นต่อมาคือเจ้าของดาบเล่มนั้น
เขาหยุดนิ่งเหมือนกับถูกแช่ไว้ในก้อนน้ำแข็ง ความสนใจของอัศวินไม่ได้หลงเหลืออยู่ที่ตัวเด็กสาวอีกแล้ว สภาพที่ไร้การป้องกันตัวโดยสิ้นเชิงของอัศวินแสดงออกให้เห็นอย่างชัดเจนถึงความตกตะลึงของเจ้าตัวที่เก็บไว้
จากสายตาของอัศวินที่จ้องออกไปทำให้เด็กสาวหันหน้าไปในทิศทางเดียวกัน และนั่นทำให้เธอได้พบกับความสิ้นหวัง
สิ่งที่อยู่ตรงหน้านั้นคือความมืดมิด
ความมืดอันบริสุทธ์ที่บางดังกระดาษ แต่กลับดูลึกจนไม่อาจหยั่งได้ ซึ่งผุดขึ้นมาในรูปทรงเหมือนไข่ที่ช่าวงล่างถูกตัดขาด ภาพตรงหน้าดูลึกลับและยากที่จะอธิบายออกมาได้
‘ประตู ?‘
นั่นคือสิ่งแรกที่เด็กสาวคิดหลังเห็นสิ่งตรงหน้า
ในช่วงอึดใจคำตอบของคำถามเด็กสาวก็ได้รับการยืนยัน
“ติ๋งงงงง”
มีบางสิ่งหลุดออกมาจากความมืดตรงหน้า
ทันทีที่เธอสำนึกได้ว่าสิ่งที่กำลังพบมันคืออะไร
“กรี๊ดดดดดดดด !”
เสียงกรีดร้องของเด็กสาวที่หลุดออกมาจากสิ่งที่เห็นตรงหน้า
สิ่งนั้นเป็นสิ่งที่มนุษย์ไม่อาจเอาชนะได้
ดวงตาสีแดงที่แกว่งไปมาเหมือนกับดวงไฟสีขุ่นซึ่งอยู่ภายในวนเวียนในโพรงดวงตาของกะโหลกสีขาว ในมือของสิ่งนั้นที่ซึ่งไม่มีเลือด เนื้อหลงเหลืออยู่ คือไม้เท้าที่ดูทรงคุณค่า น่าเกรงขาม และงดงามอย่างหาที่เปรียบมิได้ และทันทีที่สิ่งนั้นมองมาที่เด็กสาวทั้งสอง พวกเธอรู้สึกราวกับเหยื่อที่ถูกสะกดไว้
ปรากฎกายออกมาด้วยชุดครุมสีดำสนิทอันแสนวิจิตร เจ้าสิ่งนี้ไม่ใช่สิ่งที่ควรอยู่บนโลกนี้ ราวกับผุดมาจากความมืดมิดจากที่ไหนสักแห่ง ความตาย นี่คงเป็นคำที่พอจะบ่งบอกถึงเจ้าสิ่งนี้ได้อย่างเหมาะสมที่สุด
อากาศรอบบริเวณนั้นเย็นยะเยือกในชั่วพริบตา ราวกับว่าความจริงแล้วเวลานั้นถูกหยุดลงก่อนที่ทุกสิ่งจะเกิดขึ้น
เด็กสาวลืมแม้กระทั่งที่จะหายใจ ความจริงแล้วเธอรู้สึกราวกับวิญญาณนั้นถูกช่วงชิงไปเรียบร้อยแล้ว
ในสถานการณ์เช่นนี้ราวกับความรู้สึกรับรู้เวลาได้หายไปจากตัว เด็กสาวเริ่มสูดหายใจเข้าไปราวกับว่าต้องการช่วงชิงอาการทั้งหมดที่มีเท่าที่ทำได้
‘มัจจุราชได้ออกมาเพื่อรับตัวเธอแล้ว’
เด็กสาวคิดเช่นนั้นในคราแรกแต่ไม่ทันไรเธอก็พบถึงความผิดปกติ เช่นเดียวกับอัศวินที่ไล่ตามพวกเธอสองพี่น้องซึ่งได้หยุดนิ่งเช่นกัน
“อึกกกกก…”
เสียงครางอันแผ่วเบาได้ทำลายความเงียบ ณ ขณะนั้น
ใครกัน? เหมือนกับว่าเสียงนั้นมาจากตัวเธอเอง ขณะเดียวกันนั่นก็อาจเป็นเสียงจากน้องสาวที่กำลังตัวสั่นของเธอ หรืออาจเป็นของอัศวินที่เงื้อดาบตรงหน้าเธอก็ได้
นิ้วมือที่มีเพียงกระดูกให้เห็นค่อยๆกางออกและทำท่าเหมือนกำบางสิ่งไปยังเป้าหมาย ไม่ใช่ที่เด็กสาวทั้งสอง แต่เป็นที่อัศวิน
เด็กสาวต้องการที่จะหยุดมองภาพตรงหน้าแต่เธอก็กลัวเกินกว่าที่จะทำเช่นนนั้น เธอเข้าใจด้วยสัญชาติญาณว่าหากเธอหันไปมองทางอื่น สิ่งที่เห็นนั้นจะน่าหวาดหวั่นยิ่งกว่าตอนนี้
“Grasp Heart” (กระชากหัวใจ)
อวตารแห่งความตายทำท่าเหมือนจับอะไรสักอย่าง และเสียงที่แหบแห้งก็ได้ดังขึ้นข้างเด็กสาว
เด็กสาวกลัวเกินกว่าที่จะเบนสายตาไปจากความตายได้ แต่ด้วยความสงสัยที่เกิดขึ้นเธอได้เบนสายตาออกไป และเห็นว่าอัศวินได้นอนลงอยู่ที่พื้นโดยไม่ไหวติง
ตายแล้ว
ใช่ เขาตายแล้ว
ภัยคุกคามต่อเด็กสาวได้หายไปแล้วเหมือนกับว่าเรื่องที่ผ่านมาก่อนหน้าเป็นเพียงเรื่องตลกฉากหนึ่ง อย่างไรก็ตามเธอไม่สามารถยินดีกับเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ได้เพราะตอนนี้ความตายได้เริ่มปรากฎให้เห็นชัดเจนยิ่งกว่าตอนแรก
ราวกับรับรู้ถึงความหวาดกลัวของเด็กสาว ความตายได้ตรงเข้าหาเด็กสาว
ความมืดได้ก่อตัวมากขึ้นในสายตาของเด็กสาว
‘มันกำลังจะมาดูดกลืนฉัน’
คิดได้เช่นนี้เด็กสาวกระชับตัวน้องสาวมากอดอย่างแน่นที่สุดเท่าที่กำลังเธอจะทำได้
ความคิดที่จะหนีไม่เหลือในหัวของเธออีกแล้ว
หากฝ่ายตรงข้ามเป็นมนุษย์เธอยังพอจะมีความหวัง แต่สิ่งที่อยู่ตรงหน้าขณะนี้สามารถลบเธอออกไปได้อย่างง่ายดาย
“ได้โปรด อย่างน้อยขอให้ฉันได้ตายอย่างไม่เจ็บปวดด้วยเถอะ”
การขอร้องเป็นสิ่งเดียวที่ทำได้ในขณะนี้
อย่างน้อยก็อยากจะช่วยน้องสาวของเธอที่กำลังตัวสั่นกอดที่เอวเธออยู่ให้ได้ แต่ตัวเด็กสาวเองไม่มีความสามารถเช่นนั้น เธอได้แต่พร่ำขอโทษน้องสาวที่เธอไม่มีพลังพอจะปกป้องเธอได้ เด็กสาวได้แต่ภาวนาว่าให้อย่างน้อยน้องสาวของเธอไม่ต้องโดดเดี่ยวเพราะเด็กสาวจะตามเธอไปด้วย
และหลังจากนั้น
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น