Part 1
“อาหารนี่มันอะไรกันเนี่ย”
น้ำเสียงสูงร้องออกมา เสียงช้อนและส้อมกระทบจานดังให้ได้ยินไปทั่ว
ผู้คนในร้านอาหารต่างพากันมองมายังหญิงสาวที่เป็นต้นเหตุของเสียง
รูปลักษณ์ของหญิงสาวนั้นสวยงามมาก งามเสียจนกระทั้งคำว่า”สวยงาม”ก็ยากที่จะบรรยายลักษณะของเธอ ความงามของเธอนั้นน่าจะเปรียบเทียบได้กับหญิงสาวที่งามที่สุดในอาณาจักรที่รู้จักกันว่า “เจ้าหญิงสีทอง” กระทั้งท่าทางตอนโกรธของเธอในตอนนี้ก็ยังดูมีเสน่ห์
แม้ว่าเธอจะส่งเสียงดังออกมาแต่ท่าทางนั้นเต็มไปด้วยความสง่างาม
ไม่ต้องสงสัย นี่ต้องเป็นลูกสาวของพวกผู้ดีที่มาจากประเทศอื่นอย่างแน่นอน น่าจะต้องเป็นผู้ดีที่มีฐานะสูงส่งมากด้วย ตอนนี้เธอกำลังเงยหน้าขึ้นจานอาหารเบื้องหน้า ผมสีทองที่เป็นลอนของเธอขยับสั่นไหวเบาๆ สายตาของเธอจองไปยังจานอาหารเบื้องหน้าอย่างไม่พอใจ
โต๊ะตัวนั้นเต็มไปด้วยจานอาหารมากมายหลากหลายชนิด
ในตะกร้านั้นมีขนมปังสีขาวที่อบจนสุกส่งกลิ่นหอมออกมา ในจานอาหารมีแผ่นไม้ที่ตัดอย่างสวยงามบนแผ่นไม้มีเนื้อที่ย่างจนสุกและคลุกเคล้าไปด้วยเครื่องปรุงที่ดูมีราคา มันต้มที่เป็นอาหารเครื่องเคียงที่อบจนสุกดูนิ่มนวล ยังมีสลัดที่ทำจากผักสดเหมือนว่าเพิ่งจะเก็บมาจากสวน
นี่นับว่าเป็นอาหารที่แพงที่สุดที่มีในร้านอาหารที่หรูหราในสุดในเมืองรีลันเทีย อาหารนั้นถูกรับประกันว่าทำจากวัตถุดิบที่สดใหม่ แถมวัตถุดิบยังถูกปกป้องไปด้วยเวทย์มนต์ [Preservation] นอกจากนี้ยังทำจากกุ๊กมือหนึ่งอีกด้วย
นี่ถือว่าเป็นอาหารที่มีแต่ผู้ดีและคนที่มีฐานะเท่านั้นถึงจะได้มีโอกาศได้ลิ้มลอง แต่ว่าดูเหมือนหญิงสาวคนนี้จะไม่พอใจกับอาหารที่ดูสุดยอดนี้
“รสชาติไม่ได้เรื่องเลย!!!”
ผู้คนที่ได้ฟังล้วนแปลกใจและสงสัยว่าปกติหญิงสาวคนนี้ปกติรับประทารอาหารแบบไหนกันแน่
ในขณะนั้นเอง พ่อบ้านที่ดูมีอายุเบื้องหลังของเธอไม่แสดงท่าทางตกใจออกมาเลย แม้ว่าเธอจะหันมามองพ่อบ้านคนนี้ด้วยสายตาตำหนิ สีหน้าของพ่อบ้านดูเรียบเฉยคล้ายกับว่าไม่สามารถแสดงสีหน้าอื่นออกมาได้
“ข้าทนอยู่ในเมืองโกโรโกโสแบบนี้ไมได้หรอก เตรียมตัวออกจากเมืองเดี้ยวนี้!!!”
“แต่ว่า..คุณหนูครับ ตะวันจวนจะตกดินแล้ว….”
“หุบปาก ทำตามที่สั่ง เข้าใจมั้ย!!!”
แม้ว่าจะพบกับท่าทางที่เอาแต่ใจเหมือนเด็ก พ่อบ้านก็ค่อมตัวลงรับทราบคำสั่ง
“รับทราบครับคุณหนู กระผมจะเตรียมการเดี้ยวนี้”
“หึ เข้าใจแล้วก็ดี รีบเตรียมการละ เซบาส”
หญิงสาวเหวี่ยงช้อนในมือออก ก่อนจะเดินออกไปจากร้านอาหาร
ทันใดนั้นเสียงของพ่อบ้านก็ดังขึ้น
“ต้งขออภัยกับภาพที่ไม่เหมาะสมนี้ด้วยครับทุกท่าน “
พ่อบ้านกล่าวขออภัยก่อนจะจัดเก้าอี้ที่เกือบจะล้มเพราะการลุกจากไปของหญิงสาวคนนั้นให้เข้าที่ และก้มหัวขออภัย ผู้คนในร้านอาหารต่างเข้าใจและมองมายังพ่อบ้านด้วยสายตาเห็นใจ
“—ผู้จัดการ”
“ครับผม”
ชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่เงียบๆด้านข้างรีบเดินเข้ามาตามคำเรียกทันที
“กระผมต้องขออภัยกับเรื่องนี้จริงๆ แม้ว่านี่จะช่วยไมได้มากแต่ขอให้ทางกระผมได้เป็นคนรับผิดชอบค่าอาหารของทุกท่านในร้านด้วยเถอะ”
แม้วาผู้คนในร้านอาหารจะไม่ถือสาและยอมรับคำขอโทษจากพ่อบ้านแล้ว แต่ทุกคนยังมีสีหน้าดีใจอย่างเห็นได้ชัด ค่าอาหารของที่นี้ไมได้ถูกการที่ไม่ต้องเสียค่าใช่จ่ายย่อมเป็นสิ่งที่ทุกคนยินดี
แต่ในทางกลับกันผู้จัดการกลับไม่ได้แสดงอาการตกใจแสดงว่าคุ้นเคยกับเหตุการณ์แบบนี้จนเคยชินแล้ว
เซบาสเตียนมองไปยังมุมหนึ่งของร้าน ที่นั้นมีชายที่ท่าทางไม่เหมาะกับสถานที่นี่กำลังทานอาหารอยู่ เหมือนจะรู้สึกตัวชายคนนั้นรีบเดินเข้ามาหาทันที
ในสายตาของคนรอบข้างรู้สึกว่าท่าทางของชายคนนี้ไมได้มีมารยาทและไม่เหมาะสมกับสถานที่เช่นนี้
แม้ว่าเสื้อผ้าจะไมได้ดูน่ารังเกียจเมื่อเปรัยบเทียบกับแขกในร้านแล้ว แต่กลับดูเหมือนตัวตลกที่แต่งชุดดูมีราคา
“ท่านเซบาส”
“มีอะไรหรือ แชท”
ผู้คนภายในร้านพากันก้มศรีษะขำและคิดถึงภาพของชายที่ชื่อแชทฟังจากน้ำเสียงตอนนี้เค้าคงจะกำลังถูมือทั้งสองอยู่เป็นแน่แท้
แต่สีหน้าของเซบาสเตียนนั้นกลับไม่เปลี่ยนแปลงซักนิดเดียว
“ในฐานะของลุกจ้างข้าก็เข้าใจว่ายากที่จะกล่าวแต่ว่าไม่ทราบพอจะชะลอการออกจากเมืองในยามค่ำคืนได้หรือไม่ครับ”
“มีปัญหาที่จะเตรียมรถม้าและขนย้ายในยามค่ำคืนหรือครับ”
“นั้นก็มีส่วนแต่ตัวข้าเอง.....มีธุระนิดหน่อยที่จะต้องทำภายในเมืองนี้อยู่”
“คุณหนูคงจะไม่ยอมแน่ ดูจากอรารมณ์ในตอนนี้ท่านคงไม่ยอมเปลี่ยนใจ”
“ถ้างั้นก็ช่วยไมได้ครับ....”
“แต่ว่า”
ตาของแชทเบิ่งขึ้นเล้กน้อย ในขณะที่กำลังจะหาข้ออ้างแต่ก็ยังหาสาเหตุดีๆไม่ได้
“ยังไงก็ยังต้องใช้เวลาซักพักสำหรับเคลื่อนย้ายสิ่งของลงรถ ในขณะนั้นเจ้าจะไปจัดการธุระส่วนตัวก็ได้”
เซบาสเตียนนั้นมองออกว่าชายเบื้องหน้ามีเจตนาที่จะชะลอการเดินทางของตัวเอง แต่ก็ไมได้พูดอะไรออกมา
ในความเป็นจริงเซบาสก็ซ่อนความจริงว่าแชทก็ตกหลุมพรางของตัวเองเช่นกัน
“ไม่ทราบว่าเราจะออกเดินทางกันเมื่อไหร”
“น่าจะราวๆสองถึงสามชั่วโมง ถ้าช้ากว่านั้นถนนจะมืดจนไม่มีแสง”
ภายในดวงตาของชายที่ชื่อแชทเผยให้เห็นการเตรียมการอะไรบางอย่าง ซึ่งเซบาสเตียนก็พยายามทำตัวว่าไม่ทราบเรื่อง แขทเลียริมฝีปากของตัวเองกล่าวว่า
“นั้นไม่น่าจะมีปัญหา”
“อย่างนั้นก็ดีครับ ไม่ทราบพอจะช่วยเตรียมการสำหรับการออกเดินทางได้หรือไม่”
เซบาสเตียนมองดูเงาหลังของแชทที่เดินจากไป จากนั้นโบกมือรอบตัวเองคล้ายกับจะไล่เอาบรรยากาศไม่พึงประสงค์รอบตัวออกไป คล้ายกับว่ากลัวมันจะมาเกาะรอบตัวของเค้า
แม้จะไม่แสดงอาการออกมาทางสีหน้า แต่เซบาสเตียนถอนหายใจออกมา
ว่ากันตามความจริงเซบาสเตียนไม่ชอบคนประเภทแชทเลยแม้แต่น้อย ถ้าเป็นเดมิเอิร์จ แชลเทีย หรือว่าคนอื่นๆอาจจะมองคนประเภทแชทเป็นของเล่นแก้สนุก แต่สำหรับเซบาสเตียนนั้นไม่อยากที่จะใกล้คนประเภทนี้เลย
ในนาซาริคนั้นมีมุมมองทั่วๆไปต่อบุคคลภายนอกดังนี้ “บุคคลภายนอกนาซาริคนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำ” และ “นอกจากนอกจากมนุษย์ละปีศาจที่ได้รับการยกเว้นที่เหลือควรถูกกำจัดเนื่องจากเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำ” แต่สำหรับเซบาสเตียนนั้นมีมุมมองเช่นเดียวกับผู้สร้างของเค้า “คนที่ช่วยคนที่อ่อนแอไมได้ไม่สมควรเรียกตัวเองว่าผู้แข็งแกร่ง” แต่หลังจากเจอคนเช่นแชทแล้วบางทีมุมมองของนาซาริคอาจจะถูกต้องก็เป็นได้”
“อ่า มนุษย์ควรจะดีกว่านี้สิ”
เซบาสเตียนลูบเคราของตัวเองจากนั้นก็กลับมาตั้งใจกับภารกิจของตัวเองต่อ
แม้ว่าปฎิบัติการจะราบรื่นก็เถอะ แต่ก็ควรจะจับตาดูผู้ชายคนนั้นเพื่อป้องกันไว้ก่อน
ในขณะที่เซบาสเตียนกำลังครุ่นคิดก็พบว่ามีชายคนหนึ่งกำลังเดินตรงมาทางนี้
“ต้องออกจาเมืองในช่วงเวลานี้ลำบากเหมือนกันนะครับ”
ผู้ชายที่พูดกับเซบาสเตียนนั้นอยู่ในวันราวๆ 40-50 ปี ผมบนศรีษะมีสีขาวแสมกับสีดำ จากการสังเกตุคงจะมีชีวิตการเป็นอยู่ที่ดีมากจนสามารถมองเห็นช่องท้องนั้นนูนออกมาให้เห็นได้ชัด
การแต่งกายของเค้านั้นดูดีมากทำให้แน่ใจว่าต้องมีฐานะที่ดีแน่นอน
“นั้นท่านบาโด้หรือครับ”
เซบาสเตียนผงกศรีษะทักทายชายเบื้องหน้า แต่ชายคนั้นรีบห้ามเซบาสเตียน
“ไม่ต้องมีมารยาทขนาดนั้นก้ได้ครับ”
ชายคนนี้มีชื่อว่า บาโด้ เลิฟลี่ เป็นพ่อค้าเสบียงที่มีชื่อเสียงและมีอำนาจอยู่ในเมืองนี้ เซบาสเตียนนั้นไม่แน่ใจว่าชายเช่นนี้เข้ามาหาเค้าเพราะเหตุผลอะไร
เมืองนี้เป็นเมืองสำคัญด้านการสงครามสำหรับคนที่มีอำนาจควบคุมเสบียงภายในเมืองนั้นมีอำนาจอย่างมาก
ด้ยวจำนวนทหารกว่า หนึ่งพันนาย การจะจัดเตรียมอาวุธและเสบียงให้เรียบร้อยนั้น พ่อค้าเช่นบาโด้ถือว่ามีอทธิผลอย่างมากในเมืองนี้
สำหรับคนที่มีฐานะเช่นนี้ไม่สมควรเข้ามพูดกับเซบาสเตียนเพียงเพราะว่าทั้งคู่ทานอาหารในร้านเดียวกัน สมควรจะต้องมีเหตุผลบางประการซ่อนอยู่แน่นอน
แต่อย่างไรก็ตามนี่ก็นับว่าเข้าทางของเซบาสเตียนพอดี
“ท่านเซบาส ชายคนนั้นเชื่อถือไมได้นะครับ”
“เป็นอย่างนั้นหรือครับ”
ในขณะที่พูดกับบาโด้นั้นเซบาสเตียนเปลี่ยนสีหน้าของเค้าเป็นท่าทางยิ้มแย้ม และเข้าใจว่าบาโด้นั้นกล่าวถึงใคร
“ชายคนนั้นขึ้นชื่อเรื่องการหลอกหลวงและไม่ซื่อสัตย์ ข้าไม่เข้าใจเลยว่าทำไมท่านเซบาสถึงจ้างคนเช่นนี้”
เซบาสเตียนพยายามคิดหาคำตอบที่ดีที่สุดในสถารการณ์เช่นนี้
เค้าเปิดเผยถึงสาเหตุแท้จริงที่จ้างแชทไมได้ ถ้าบอกว่าจ้างแชทเพราะว่าไม่ทราบถึงเบื้องหลังของชายคนนี้นั้นจะลดค่าความน่าเชื่อถือของตัวเอง
ในขณะที่เราจะออกจากเมืองนี้แล้วต้องพยายามไม่ให้ความน่าเชื่อถือที่บาโด้มีนั้นเสื่อมถอยลง ในอนาคตเราอาจจะต้องใช้ชายคนนี้ก้เป็นได้
“บางที่ท่านบาโด้อาจจะกล่าวถุกแล้ว แต่ไม่มีใครแนะนำตัวได้น่าอับอายเท่าเค้าอีก นั้นเป็นเหตุผลที่คุณหนูค่อนข้างชอบ”
บาโด้ยิ้มออกมาอย่างช่วยไมได้
นี่เป็นบทบาทที่กำหนดให้แสดงออกมาเช่นนั้น เซบาสอดเสียใจต่อหญิงสาวไมได้ที่ต้องมาแสดงท่าทางเอาแต่ใจเช่นนี้
“ดุเหมือนข้าจะก้าวก่ายมากเกินไปแล้ว ต้องขออภัยด้วย แต่ว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่จะแนะนำต่อคุณหนูของท่าน”
“ท่านบาโด้กล่าวถูกต้อง แต่นายท่านของคุณหนูฝากฝังเรื่องนี้ให้กับกระผม ดังนั้นต้องทำให้ดีที่สุด.....
“ความซื่อสัตย์ของท่านน่าชื่นชมจริงๆ ต้องการให้ข้าแนะนำคนที่น่าเชื่อถือให้ท่านหรือไม่”
“ไม่ต้องเป็นห่วนมากหรอก ท่านบาโด้”
แม้ว่าน้ำเสียงของเซบาสจะนุ่มนวล แต่การปฎิเสธนั้นโจ้งแจ้ง บาโด้ที่ดูออกจึงพยายามหว่านล้อม
“ถึงอย่างนั้น ข้าคิดว่าท่านควรจะมีผู้คุมกันที่เชื่อถือได้ เส้นทางไปยังเมืองหลวงนั้นยาวไกลและอันตราย ไม่เหมือนจักวรรดิบาฮารุท เส้นทางของอาณาจักรรีเอสไทนั้นไม่ค่อยปลอดภัย....ข้าสามารถช่วยท่านหาคนคุ้มกันที่มีฝีมือได้”
ความปลอดภัยของเส้นทางนั้นขึ้นอยู่กับขุนนางที่ปกครองพื้นที่แทบนั้น แน่นอนการเก็บค่าผ่านทางก้เพื่อให้ประโยชน์ในการนี้แต่มันก็ยังมีช่องว่างหรือบางพื้นที่ที่ไม่ปลอดภัย เป็นเรื่องธรรมดาที่ผู้เดินทางมันจะพบเจอกับโจร หรือว่าแม้กระทั้งทหารรับจ้างที่ทำตัวเป็นโจรเสียเอง
ในการที่จะแก้ปัญหานี้ “เจ้าหญิงสีทอง” ได้ใช้ทหารของตัวเองในการลาดตะเวน แต่ด้วยจำนวนทหารที่น้อย ทำให้ไม่ค่อยมีประสิทธิภาพมากนัก
เนื่องจากผลลัพธ์เป็นเช่นนี้ทำให้การรับรองความปลอดภัยระหว่างการเดินทางบนถนนเป็นไปได้ยาก
พ่อค้าที่ต้องเดินทางนั้นปกติจะจ้างให้นักผจญภัยหรือว่าทหารรับจ้างคุ้มครองขบวนของตัวเองระหว่างการเดินทาง สำหรับพ่อค้าที่มีอำนาจเช่นบาโด้ย่อมรู้จักทหารรับจ้างและนักผจญภัยฝีมือดีแน่นอน แต่กระนั้นเซบาสเตียนก็ตอบรับความหวังดีนี้ไมได้
“ที่ท่านบาโด้กล่าวมานั้นถูกต้อง แต่คุณหนูไม่ชอบให้มีผู้คนล้อมรอบจำนวนมากๆ สำหรับกระะผมก็พยายามที่จะตอบอสนองความต้องการของคุณหนูให้ได้มากที่สุด...”
“ถ้าอย่างนั้นก็ช่วยไม่ได้”
สีหน้าของบาโด้เต็มไปด้วยอาการคล้ายผู้ใหญ่ที่ต้องการปลอบเด็ก
“ต้องขออภัยเป็นอย่างสูงที่ต้องปฎิเสธความปราถนาดีของท่านเช่นนี้”
“ได้โปรดอย่าพุดเช่นนี้เลย กล่าวตามความสัตย์ข้าต้องการจะค้าขายกับท่าน ถ้าตอนนี้ยังไม่เหมาะสม อย่างน้อยก็อยากให้ความสัมพันธ์ของเราพัฒนามากขึ้นกว่านี้”
ลูกสาวของพ่อค้าใหญ่หรือว่าขุนนางพร้อมกับพ่อบ้านที่มาจากจักรวรรดิ นั้นคือฐานะของกลุ่มเซบาสเตียนในตอนนี้ การแสดงออออกในร้านอาหารในตอนนั้นก็เพื่อแสดงให้คนรอบข้างเห็น ด้วยฐานะเช่นนี้บาโด้ย่อมสนใจอย่างแน่นอน
เซบาสเตียนเผยยิ้มให้กับปลาที่เข้ามาติดเบ็ดในตอนนี้
“แน่นอน กระผมต้องบอกความปราถนาดีนี้แก่ นายท่านของคุณหนูหรือว่าเจ้านายของกระผมทราบอย่างแน่นอน”
ในสายตาของบาโด้เผยให้เห็นความพอใจขึ้นชั่ววูบ โดยปกติคนทั่วไปคงจะไม่สามารถสังเกตุได้แต่ย่อมไม่รอดพ้นจากสายตาของเซบาสเตียนได้
“ถ้าอย่างนั้นกระผมขอตัวก่อน คุณหนูกำลังรออยู่ ไว้เจอกันใหม่โอกาสหน้าขอรับ”
เซบาสเตียนกล่าวขัดขึ้นในขณะที่บาโด้กำลังจะพูดอะไรบางอย่างออก บาโด้ถอนหายใจออกมาตัวเค้าทราบว่าเซบาสเตียนนั้นมองออกถึงวัตถุประสงค์ของตัวเอง
“ถ้าอย่างนั้นก็ช่วยไม่ได้ โอกาศหน้าถ้าท่านเซบาสมีโอกาศแวะมาที่เมืองนี้อีกครั้งโปรดมาเยี่ยมข้าด้วย ทางนี้จะเตรียมการต้อนรับอย่างเหมาะสมแก่ท่านแน่นอน”
“แน่นอนขอรับ ครั้งหน้าทางนี้คงต้องขอรบกวนท่านแล้ว”
ในขณะที่มองบาโด้เดินจากไป เซบาสเตียนก็ถอนหายใจออกมาและพึมพำว่า
“ในโลกนี้ช่างมีผู้คนหลายประเภทเหลือเกิน”
เจตนาของบาโด้นั้นเต็มไปด้วยความหวังดีต่อเซบาสเตียนและคุณหนูของตัวเองอย่างเห็นได้ชัด เพราะว่ายังมีคนที่พร้อมจะช่วยเหลือผู้อื่นอย่างบาโด้อยู่ ทำให้เซบาสเตียนนั้นยังไม่สิ้นหวังในตัวมนุษย์
เซบาเตียนยิ้มอย่างมีความสุขออกมา
หลังจากเคาะประตูอยู่หลายครั้งและกว่าวคำขออภัย เซบาสเตียนโค้งตัวขออภัยและเปิดประตูเข้าไปในห้อง
“ได้โปรดให้อภัยกับความหยาบคายของข้าด้วย ท่านเซบาส”
เซบาสที่ปิดประตูลงและมองไปยังหญิงสาวที่ก้มหัวขออภัยเค้าอยู่ ถ้าผู้คนที่อยู่ใน้ร้านอาหารมาเห็นภาพนี้คงต้องตกใจอย่างแน่นอน
ท่าทางตอนนี้ของคุณหนูคนนั้นดูต่างออกไปอย่างหน้ามือเป็นหลังมือ
“ไม่จำเป้นต้องขอโทษหรอก เจ้าก้แค่ทำตามหน้าที่ของตัวเอง”
เซบาสเตียนมองไปยังเครื่องตกแต่งห้องที่ดูหรูหรารอบๆบริเวณห้อง เมื่อเปรียบเทียบกับห้องในชั้นที่ 9 ของนาซาริคแล้วห้องที่พักตอนนี้นั้นดูไร้ค่าไปในทันที
หลังจากกวาดสายตาไปยังมุมห้องก็พบว่าสัมภาระนั้นได้ถุกเก็บเรียบร้อยแล้ว จะเคลื่อนย้ายในตอนนี้เลยก็สามารถทำได้ นั้นคงเป็นฝีมือของหญิงสาวเบื้องหน้า เธอคงจะจัดการตั้งแต่ขึ้นมาบนห้องนี้แล้ว
“เจ้าควรจะให้ข้าเป็นคนจัดการสัมภาระพวกนี้”
“พูดอะไรอย่างนั้นเจ้าค่ะ ท่านเซบาสเตียน ข้าคงปล่อยให้ท่านทำงานหยาบๆเช่นนี้ไมได้หรอก”
หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมาแล้วสั่นศรีษะปฎิเสธ เธอเป็นหนึ่งในแบทเทิ่ลเมดของนาซาริค โซลุชั่น อิปซิลอน
“แต่ว่าตอนนี้ ข้าเป็นพ่อบ้านที่คอยรับใช้เจ้าอยู่นะ”
เซบาสเตียนเผยยิ้มที่ดูเหมือนเด็กที่กลั่นแกล้งคนอื่น
โซลุชั้นสังเกตุสีหน้าของเซบาสเมื่อดูว่าไม่มีอะไรผิดสังเกตุ เธอยิ้มขึ้นอย่างอายๆ
“นั้นก็ถุก ท่านเซบาสเตียนเป็นพ่อบ้านของข้า แต่ข้าก้เป็นเมดใต้อาณัติของท่านเช่นกัน”
“งั้นข้าขอสั่งในฐานะเจ้านายของเจ้า เจ้าทำงานได้ดีแล้วที่เหลือให้ข้าจัดการเอง ตอนนี้เจ้าไปพักผ่อนซะเถอะ”
“ขอบพระคุณมากค่ะ”
“ถ้างั้นข้าจะไปพบกับท่านแชลเทียที่รออยู่ที่รถม้าและแจ้งกำหนดการเดินทางของเรา”
เซบาสเตียนหยิบกระเป๋าใบใหญ่ด้วยมือข้างเดียว ก่อนจะถามโซลูชั่น
“ทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่วางไว้ใช่หรือไม่”
“ค่ะ เป็นไปตามแผนการทุกอย่าง”
โซลูชั่นยกมือขึ้นจับดวงตาข้างหนึ่งที่ปิดอยู่
“งั้นก็ดี ตอนนี้มีเหตุการณือะไรอยู่มั้ย”
“ค่ะ ตอนนี้มันกำลังพบกับชายท่าทางหน้าสงสัยอยู่ ท่านเซบาสอยากจะฟังมั้ยค่ะว่าพวกมันคุยอะไรกัน”
“ไม่จำเป็น ข้าจะไปขนย้ายสัมภาระขึ้นรถม้าก่อน สรุปให้ข้าฟังทีหลังแล้วกัน”
“เข้าใจแล้วค่ะ”
ทันใดนั้นสีหน้าของโซลูชั่นเปลี่ยนไป
สายตาของเธอหรี่ลงและริมฝีปากเหยียดยิ้มขึ้น
“ท่านเซบาสเตียน ขออนุญาติเปลี่ยนหัวข้อการสนทนาค่ะ”
“มีอะไรงั้นหรือ โซลูชั่น”
“ถ้าทุกอย่างจบลงแล้ว ข้าขออนุญาติจัดการกับชายคนนั้นค่ะ”
เซบาสเตียนลูบเคราของตัวเองและกล่าวว่า
“เรื่องนั้น ถ้าท่านแชลเทียอนุญาติเจ้าก็จัดการตามใจชอบได้เลย”
โซลูชั่นก้มศรีษะลงสีหน้าของเธอแสดงความผิดหวังออกมาอย่างเห็นได้ชัด เซบาสเตียนที่เห็นอดปลอบใจไมได้
“คงไม่มีปัญหาหรอก กับแค่มอบคนๆเดียวให้เจ้า”
“จริงหรือค่ะ นั้นยอดมากเลย ยังไงท่านเซบาสเตียนช่วยพุดกับท่านแชลเทียเรื่องความต้องการของข้าด้วย ถ้าเป็นไปได้ข้าอยากได้ผู้ชายคนนั้น”
โซลูชั่นเผยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความสุข รอยยิ้มของเอเหมือนแสงอาทิตย์ที่อบอุ่นและดูมีเสน่หอย่างมาก
เซบาสเตียนรู้สึกสมเพชรและสนใจว่าชายคนนั้นทำไมถึงทำให้โซลูชั่นแสดงอาการเช่นนี้ออกมาได้
“ผู้ชายคนนั้นพูดอะไรบ้างละ”
“เค้าพูดว่าอดที่จะรอสนุกกับข้าไมได้ ไม่ค่อยมีคนพูดเช่นนี้ ดังนั้นข้าก็เลยคิดที่จะสนุกกับเค้าเช่นกัน”
รอยยิ้มของโซลูชั่นยิ่งเฉิดฉายกว่าเดิม เหมือนรอยยิ้มของเด็กที่คาดหวังอะไรบางอย่างในอนาคตอันใกลนี้
Part 2
ชีวิตที่ทุกข์ยาก
แชทเดินอย่างรวดเร็ว และคิดถึงอดีตที่ผ่านมาของตัวเอง
ชีวิตชาวนาในอาณาจักรนั้นไมได้ง่ายเลย
แม้ว่าจะพยายามเพาะปลุกมากขนาดไหน ผลผลิตส่วนใหญ่ก็จะถุกขุนนางพื้นที่เก็บไป ถ้าผลผลิตคิดเป็น 100 ส่วน และถูกเก็บไปซัก 60 ส่วน ผลที่เหลือ 40 ส่วนก็พอจะอยู่รอดได้ แม้ว่าจะเป็นชีวิตที่ลำบาก
แต่ว่า มันคงเป็นปัญหาใหญ่ถ้าถูกเก็บไป 80 ส่วน ถ้า 40 ส่วน ก็มีชีวิตที่ลำบากแล้ว ส่วนที่เหลือ 20 ส่วน จะใช้ชีวิตอยู่อย่างไร
ระหว่างปีหนึ่งที่อยู่ภายใต้ชีวิตที่ต้องอยู่กับ 20 ส่วนที่เหลือ หลังจากกลับบ้านมาด้วยอาการอิดโรยจากงานภายในฟาร์ม แต่กลับพบว่าน้องสาวของตัวเองนั้นหายตัวไป
ตอนนั้นแชทยังเด็กและรักน้องสาวของเค้ามาก กลับแปลกใจว่าทำไมพ่อแม่ของตัวเองถึงไม่ออกตามหา ตอนนั้นยังไม่เข้าใจแต่พอโตขึ้นก็เข้าใจเรื่องทุกอย่าง น้องสาวของเค้าถูกขายไป แม้ว่าในปัจจุบันการค้าทาศจะถูกสั่งห้ามโดยเจ้าหญิงสีทองแต่ในอดีตนั้นถือเป็นเรื่องทั่วไปในอาณาจักร
ด้วยเหตุผลนั้นทุกครั้งที่เค้าไปเที่ยวซ่องหรือว่าเดินผ่านโสเภณีต้องมองหน้าพวกเธอเหล่านั้น แน่นอนแชทคิดว่าคงไม่เจอน้องสาวของตัวเองง่ายๆแบบนั้น หรือว่าต่อให้พบกันจริงแชทจะกล่าวกับน้องสาวเช่นไร แต่ถึงกระนั้นเค้าก็ยังอดตามหาน้องสาวต่อไปไม่ได้
ใช้ชีวิตในสถานการณ์เช่นนี้ ทุกคนล้วนตั้งความหวังที่จะเข้าเป็นทหาร
อาณาจักรรีแอสไทนั้นกำลังมีสงครามกับจักรวรรดิบาฮารูทและมักจะเกณฑ์ทหารจากชาวนาอยู่บ่อยๆ ปกติการเสียแรงงานคนสำหรับเพาะปลุกนั้นถือว่าเป็นเรื่องใหญ่มากสำหรับหมู่บ้านเล้กๆ แต่ผู้คนที่ถูกเกณฑ์ไปส่วนใหญ่ก็รู้สึกยินดี
แม้ว่าจะเสียคนไปแต่อาหารที่จะเลี้ยงคนในครอบครัวนั้นก็ลดลง และคนที่ถูกเกณฑ์นั้นก็จะได้รับเสบียงจากกองทัพอยู่แล้ว สำหรับบางคนเสบียงนั้นยังมากกว่าข้าวที่ได้กินในแต่ละวันเสียอีก
แต่ว่าคนที่ประสบความสำเร็จในกองทัพนั้นมีจำนวนน้อยมาก แม้ว่าจะเสี่ยงชีวิตในสงครามแต่ถ้าปราสจากผลงานก็จะไมได้รับรางวัล มีแม้กระทั้งบางคนที่สร้างผลงานแต่ไมได้รับรางวัลก็มี กล่าวได้ว่าคนที่มีโชคอย่างแท้จริงถึงจะประสบความสำเร็จในกองทัพได้
หลังจากจบสงครามทหารก็จะกลับภูมิลำเนาของตัวเอง แต่เนื่องจากขนาดแคลนแรงงานมักจะพบว่าผลผลิตและความเป็นอยู่ยากลำบากกว่าเดิม
แชทพบกับเหตุการณ์เบื้องต้นมาสองครั้ง แต่สำหรับครั้งที่สาม เหตุการณ์บางอย่างส่งผลให้ชะตาชีวิตของเค้าเปลี่ยนไป
สงครามครั้งนั้นก็จบลงด้วยความสูญเสียทั้งสองฝ่ายเหมือนเดิม แต่แชทก็รอดชีวิตจากสงครามครั้งนี้ได้ ในขณะที่จะกลับหมู่บ้านของตัวเองเค้ามองดาบที่ถืออยุ่และฉุกคิดขึ้นมา
บางทีการเปลี่ยนชีวิตที่ดำเนินอยุ่ตอนนี้ โดยการมองหาเส้นทางใหม่อาจจะดีกว่านี้
แต่อย่างไรก็ตรามแชทก็เป็นแค่ชาวนาการฝึกก็ไมได้รับมากมายหนทางสำหรับการเริ้มชีวิตใหม่ก็ไม่ได้มีให้เลือกมากนัก
เค้าไมได้มีความสามารถเหนือคนอื่นที่ทำได้ดีก็คือการหว่านเมล็ดในฟาร์มและการเก็บเกี่ยวเท่านั้น
แชทตัดสินใจหนีไปพร้อมกับอาวุธที่ได้รับการจัดสรรจากกองทัพที่เค้าถือว่าเป็นไพ่ตายเพียงหนึ่งเดียว แม้ว่ามันจะสร้างปัญหาให้กับครอบครัวของตัวเองเค้าก้ไม่สนใจ กับครอบครัวที่ขายลูกสาวของตัวเอง---น้องสาวของเค้าไปนั้น เค้าไม่ได้มีความผูกพันเลยแม้แต่น้อย
แชทไม่มีประวัติและไม่มีใครรู้จักเค้า ดังนั้นการหนีจากกองทัพเป็นไปได้อย่างง่ายดาย และเป็นโชคดีที่มีใครบางคนช่วยให้เค้าหลบหนีไปได้ บางทีโชคของเค้าอาจจะไม่เลวนัก
เป็นกลุ่มทหารรับจ้างที่ช่วยให้แชทหลบหนีออกมา
แน่นอนสำหรับกลุ่มทหารรับจ้างแล้ว ชาวนาอย่างแชทนั้นไม่ค่อยมีประโยชน์แต่กลุ่มของพวกเค้าก้เสียคนไปมากจากสงครามการรับคนใหม่ๆเข้ามาจึงจำเป็น
นั้นคือเหตุผลที่แชทสามารถเข้าร่วมกลุ่มทหารรับข้างนี้ได้อย่างไม่มีปัญหา แต่ว่าทหารรับจ้างนี้ก้ไม่ได้ดีนัก ในระหว่างสงครามพวกนี้เป็นทหารรับจ้าง แต่ยามปกตินั้นก็ทำตัวเป็นโจร
ไม่แปลกใจเลยว่าแชทนั้นจะใช้ชีวิตหลังจากนั้นมาเช่นไร
มีอะไรบางอย่างก็ดีกว่าไม่มีอะไรเลย การเอาบางอย่างจากคนอื่นย่อมดีกว่าการถูกคนอื่นแย่งชิงไป การทำให้คนอื่นร้องให้ย่อมดีกว่าตัวเองเป็นผู้ร้องเอง
แชทใช้ชีวิตเช่นนั้ตลอดมาหลังจากนั้น
แต่แชทนั้นก็ไม่รู้สึกเสียใจหรือว่ารู้สึกผิด
แม้กระทั้งตอนที่ผู้เคราะห์ร้ายร้องขอชีวิต แชทก้ไมได้เปลี่ยนใจหรือว่ามีความปราณี
เค้าเริ่มวิ่งหลังจากออกจากโรงแรม แม้ว่าจะเหนื่อยจนเหงื่อออกโทรมกายแต่เนื่องจากเวลานั้นมีน้อยจึงหยุดพักไม่ได้
ในขณะที่จะเลี้ยงตรงหัวมุมนั้นเอง
“อันตรายจริงๆ”
เสียงบ่นพร้อมกับเสียงโลหะดังกระทบกันจากการหลบเพื่อเลี่ยงการปะทะกัน
แชทมองไปยังเงาร่างที่กระโดดถอยหลังหลบออกไป
เบื้องหน้าแชทเป็นหญิวสาวที่มีรูปร่างหน้าตาดี เธอสวมเสื้อคลุมสีดำทำให้กลืนไปกับความมืด ดวงตาสีม่วงของเธอมองไปยังแชทอย่างสนใจ
แชทที่กำลังเหนื่อยนั้นตะโกนใส่หญิงสาวอย่างหยาบคาย
“นั้นมันคำพูดของทางนี้ต่างหาก ไม่มีตามองหรือไง”
หญิงสาวไม่ได้กลัวท่าทางของแชทเลย แถมยังเผยรอยยิ้มที่ดูเย็นชา
รอยยิ้มนั้นทำให้แชทถอยหลังไปด้วยความกลัวและอดจะกุมมีดภายใต้เสื้อของตัวเอง แต่กระนั้นตัวเค้าก็ยังรู้สึกเหมือนหนูที่ถูกราชสีจ้องมองอยู่
เสียงโลหะดังกระทบกันเมื่อครู่คงจะเป็นเสียงชุดเกราะที่เธอสวมใส่อยู่
บางทีเธออาจจะเป็นนักผจญภัย
...เป็นเป้ามหายที่ไม่ควรไปยุ่ง
แชทเริ่มรู้สึกถึงสาถนการณ์ของตัวเองหลังจากครุ่นคิดขึ้น
ตัวแชทนั้นไม่ได้ดูถูกผู้หญิงเป็นเพศที่อ่อนแอ แชทนั้นรู้จักจากสมาชิกของกลุ่มตัวเองว่ามีกลุ่มนักผจญภัยหญิงล้วนที่แข็งแกร่งมากๆอยู่
แชทนั้นระดับชั้นในกลุ่มถือว่าอ่อนแออย่างมาก จึงมักทำหน้าที่เป็นคนติดต่อซะส่วนใหญ่
ในขณะที่แชทนั้นแสดงสีหน้าหวาดกลัวอยู่ รอยยิ้มของหญิงสาวเบื้องหน้าก็ดูเป็นมิตรมากขึ้น
“เอาเถอะ ยังไงก็ไม่ค่อยมีเวลาอยู่ แต่ว่าถ้าครั้งหน้าเจอกันอีกละก็ จงโทษดวงของเจ้าซะเถอะ”
หญิงสาวเดินจากไปหลังจากพูดเสร็จ แชทมีสีหน้าสงสัยเพราะทางที่เธอเดินไปเป็นเขตที่ไม่มีผู้คนอาศัยอยู่
นี่ก็ดึกมาหแล้วเธอมาทำอะไรแถวนี้ แม้ว่าจะสงสัยแต่ตัวแชทเองก็มีเรื่องด่วนจึงละความสนใจ
ชั่วครู่ก็มาถึงอีกด้านของเมืองซึ่งเต็มไปด้วยบ้านร้างมากมาย ขณะที่มองซ้ายมองขวาและแน่ใจว่าไม่มีคนตามมา
จึงยกมือเคาะประตูที่บ้านหลังหนึ่ง 3 ครั้ง หลังจากนั้นราวๆ 5 วินาทีก็เคาะอีก 4 ครั้ง ทันใดนั้นช่องประตูก็เปิดออกเมื่อคนที่อยู่ด้านในมองเห็นแชทก็กล่าวว่า
“อ้อ แกนี่เอง รอสักครู่นะ”
ชายคนนั้นไม่รอแชทตอบเค้าและเลื่อนช่องประตูปืดลงจากนั้นเสียงถอดกลอนกุญแจก็ดังให้ได้ยินพร้อมกับประตูที่เปิดออก
“เข้ามาสิ”
ข้างในเป็นบ้านเก่าๆ ด้านในมีโต๊ะและเก้าอี้เรียงราย บนโต๊ะมีเทียนไขจุดอยู่ 1 เล่ม ชายที่ดูท่าทางจะใช้ชีวิตอยู่กับความโหดร้ายคนนึงกล่าวกับแชทว่า
“ว่าไงแชท มีอะไรเกิดขึ้นงั้นหรือ”
“สถานการณ์เปลี่ยน...เหยื่อเตรียมการเคลื่อนย้ายแล้ว”
“อ้อ พวกนั้นจะเคลื่อนย้ายแล้วหรือ”
แชทผงกศรีษะเล็กน้อย ชายคนนั้นบ่นเล็กน้อย
“จะมาเคลื่อนย้ายกันตอนนี้เนี้ยนะ คงไม่ได้สงสัยพวกเราหรอกนะ”
เค้ากล่าวกับแชทต่อ
“เลื่อนเวลาไปก่อนได้มั้ย”
“คงไมได้เพราะผู้หญิงนั้นกล่าวเองเลย”
ชายคนเดิมอดยิ้มเมื่อได้เมื่อนึกถึงภาพของผู้หญิงที่แชทกล่าวถึง
“ไอ้แก่นั้นควรจะห้ามเธอว่าออกเดินทางตอนกลางคืนมันอันตรายแค่ไหน บ้าจริงๆเรื่องนี้ก็รู้ๆกันอยู่แล้ว ทำลายล้อรถม้าเพื่อชะลอเวลาให้เป็นพรุ่งนี้แทนได้มั้ย”
“ข้าว่าคงไม่เหมาะ เพราะของนั้นเคลื่อนย้ายขึ้นรถม้าหมดแล้ว ถ้าจะทำอย่างที่ว่าก็ควรทำก่อนไปแล้ว”
“นั้นก็จริง”
ชายคนนั้นคิดและถามต่อว่า
“จะออกเดินทางตอนไหน”
“ประมาณ 2 ชั่วโมง”
“เวลากระชันมาก เรามีเวลาแค่ 2 ชั่วโมงเพื่อติดต่อคนอื่นๆอาจจะยาก แต่เหยื่อคราวนี้ก็ปล่อยไปไม่ได้ซะด้วยสิ”
ชายคนนึงนับนิ้วของตัวเองเหมือนจะคำนวณเวลาคร่าวๆ และถามแชทขึ้น
“เจ้าผู้หญิงผู้ดีนั้นสวยมากสินะ”
แชทเผยรอยยิ้มที่ดูน่ารังเกียจออกมา
“ข้าคงจะได้เล่นสนุกกับเธอด้วยใช่มั้ย”
“นั้นหลังจากข้าเสร็จกิจซะก่อนนะ ยังไงเราก็จะเรียกค่าไถ่ด้วย อย่ารุนแรงกับเธอมากเกินไปละ”
ชายคนนั้นเผยรอยยิ้มเช่นเดียวกับแชท บางทีอาจจะด้วยความคิดนี้ ชายคนนั้นลุกขึ้นและกล่าวว่า
“เอาละ ลุยกันเลย เดี้ยวข้าติดต่อหัวหน้าก่อน”
“เข้าใจแล้ว”
“เราจะส่งคนซัก 4 คนไปยังจุดซุ่มโจมตี แกก็ไปได้แล้วนำทางพวกนั้นไปยังจุดนัดพบภายใน 4 ชั่วโมงละ ถ้าช้ากว่านั้นทางนี้จะโจมตีโดยตรงเลย ยังไงก็พยายามอย่าให้พวกนั้นสงสัยได้ละ”
Part 3
รถม้ากำลังออกจากเมืองด้วยความเร็ว
ม้าแข็งแรง 4 ตัว นั้นเกินพอสำหรับลากรถม้าที่มีผู้โดยสารทั้งหมด 6 คน
พื้นที่รอบๆนั้นสว่างไปด้วยแสงจากดวงจันทร์ แต่กระนั้นการเดินทางยามค่ำคืนก็ยังเป็นเรื่องที่เสี่ยงอยู่ดี การอยู่พักตั้งแคมป์และจัดเวรยามน่าจะเป็นสิ่งที่ควรทำมากกว่าในเวลาเช่นนี้
มีคำกล่าวว่าโลกยามค่ำคืนนั้นไม่ใช้โลกของมนุษย์ แต่ถ้าจะกล่าวให้กระจ่างมากกว่านั้นบริเวณที่แสงสว่างส่องไปไม่ถึงต่างหากที่ไม่ใช้โลกของมนุษย์ ในเงามืดสัตว์ประหลาดหรือว่าปีศาจมากมายนั้นจ้องจะทำร้ายเหล่ามนุษย์จากเงามืด
ในยามค่ำคืนที่อันตรายเช่นนี้ เหล่าผู้โดยสารนั้นรับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนของรถม้า
นั้นไมได้หมายถึงรถม้านั้นไม่ดี แต่เพราะเกิดจากถนนที่ปูด้วยหิน
การสร้างถนนที่ปูด้วยหินนั้นเกิดจากความคิดของเจ้าหญิงสีทอง แต่นั้นก็จำกัดในเส้นทางที่พระราชาหรือว่าขุนนางใหญ่ๆเดินทางเท่านั้น เช่นเดียวกับถนนในตอนนี้ที่ไม่ไกลจากเมืองหลักมากนัก ถนนจึงได้รับการปลูกสร้างอย่างดี
แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่สมบูรณ์ซะทีเดียว นั้นคือเหตุผลที่ตัวรถม้าสั้นสะเทือนอยู่ภายในตอนนนี้
ภายในรถม้านั้นประกอบไปด้วย โซลูชั่น เซบาสเตียน แชลเทียซึ่งนั่งฝั่งตรงข้าม และลูกน้องของเธอ 2 คน เจ้าสาวแวมไพด์ ในขณะที่ แชทเป็นคนขับรถม้า
เซบาสเตียนกล่าวขึ้นเพื่อทำลายความเงียบในรถม้าตอนนี้
“ข้ามีเรื่องสงสัย ถ้าไม่เป็นการเสียมารยาทอยากจะขอถาม”
“หือ คำถามงั้นหรือ มันคืออะไรละ”
“ดุเหมือนท่านแชลเทียและท่านออร่าดูเหมือนไม่ค่อยถูกกัน นั้นมันเพราะสาเหตุอันใดหรือ”
“...ที่จริง ข้าก็ไม่คิดว่าความสัมพันธ์ของเราแย่ขนาดนั้นหรอกนะ”
แชลเทียตอบคำถามด้วยท่าทางสงบ
ขณะที่ตกแต่งเล็บที่เงางามของเธอ อาจจะด้วยความเคยชินเธอยกมือจับหน้าอกของแวมไพด์หญิงด้านข้างของเธอ เหมือนจะนึกได้ แชลเทียหน้าแดงด้วยความอายก่อนจะชักมือกลับมา
“แต่ข้าไมได้คิดเช่นนั้นเลยจากการแสดงออกของทั้งสองท่าน”
เซบาสเตียนกล่าวต่อ สีหน้าของแชลเทียเปลี่ยนไปเล้กน้อยเหมือนทานอะไรผิดสำแดง
“ข้า....เอาละ มันเป็นเพราะว่าผู้สร้างของข้า ท่านเพอโรโรชิโน่ กำหนดให้ความสัมพันธ์ของข้ากับออร่าไม่ค่อยถูกกัน นั้นคือเหตุผลที่ข้าชอบขัดคอออร่า แต่ข้าคิดว่าทางออร่าก็คงเหมือนกัน บางทีท่านซิมเมอริ่งทีพอทคงจะตั้งค่ายายเด็กนั้นให้ไม่ถุกกับข้า”
แชลเทียโบกมือของเธอและสบตาเซบาสเตียนก่อนจะกล่าวต่อ
“แต่ว่า ผู้สร้างของข้าท่านเพอโรโรชิโน่กับผู้สร้างของยายเด็กนั้น—ท่านซิมเมอริ่งทีพอทนั้นมีความสัมพันธ์กันแบบ น้องชายกับพี่สาว ดังนั้นพวกข้าก็คงนับเป็นพี่สาวน้องสาวละมั้ง”
“พี่น้อง—เป็นอย่างนี้นี่เอง”
“ในอดีต ตอนที่ท่านเพอโรโรชิโน่กับ ท่านผู้นำสูงสุดท่านอื่นๆ--- ท่านลูซิเฟอร์และท่านนิชิกิ เอ็นไร มายังพื้นที่ของข้า พวกท่านเคยกล่าวเช่นนั้น”
แชลเทียนึกไปถึงอดีตช่วงนั้น ดวงตาของเธอแสดงความออ่นโยนและดูน่ารักออกมา
“ท่านเพอโรโรชิโน่เคยกล่าวว่าท่านซิมเมอริ่งทีพอทนั้นทำงานที่เรียกว่า “นักพาทย์เสียง” ท่านมีชื่อเสียงมากและทำงานให้กับ “ H-Game” เมื่อท่านซื้อผลงานมาที่ท่านชื่นชอบมาภาพของพี่สาวก็จะผลุดขึ้นมาทำให้สูญเสียความกระตือรือร้น”
แชลเทียมองหน้าเซบาสเตียน
“แต่ว่าข้าก็ไม่ทราบเหมือนกันว่ามันหมายถึงอะไร”
เซบาสเตียนและแชลเทียต่างมีสีหน้าสงสัยทั้งคู่ ก่อนที่เซบาสเตียนจะกล่าวว่า
“นักพาทย์เสียง.... เหมือนข้าจะจำได้ว่าเป็นงานที่ใช้เสียงของตัวเอง บางทีก็ขับขานเสียงเพลง คงจะคล้ายนักกวีกระมั้ง”
หลังจากได้ยินคำอธิบายของเซบาสเตียน แชลเทียอดหัวเราะออกมาไม่ได้และกล่าวว่า
“ผิดแล้ว”
“ผิดหรือ งั้นมันหมายถึงอะไรกันแน่”
“ข้าได้ยินท่านซิมเมอริ่งทีพอท กล่าวด้วยตัวท่านเอง นักพาทย์เสียงนั้นใช้พลังจากจิตวิญญาณผ่านทางเสียง นั้นหมายความว่า นักพาทย์เสียงต้องชำนาญในการสร้างสรรสิ่งชีวิตแน่นอน”
“โอ้ เข้าใจแล้ว ข้าเข้าใจผิดไปถนัดนัก ขอบคุณท่านแชลเทียมากที่ให้ความกระจ่างแก่ข้า”
ตัวตนเช่นเซบาสเตียนที่ถูกสร้างโดยเหล่าผู้นำสูงสุดนั้นจะได้รับความรู้เมื่อตัวเองถูกสร้างขึ้น แต่ตัวเองนั้นแม้จะรู้ถึงความรู้นั้นแต่ไม่ได้เข้าใจความหมายที่แท้จริงของความรู้พวกนั้นเลย ดังนั้นส่วนใหญ่จะเข้าใจความหมายของความรู้นั้นผิดๆเสมอ เช่น ตอนนี้
เซบาสเตียนรู้สึกอายมาก และเพื่อป้องกันความผิดพลาด เค้าพยายามท่องความหมายของนักพาทย์เสียงลงในความจำของเค้า
“อย่าเก็บไปคิดมากเลย อ้อแล้วก็เซบาสเตียน ไหนๆเราก็ร่วมทางกันแล้วเจ้าไม่ต้องสุภาพกับข้ามากก้ได้”
“อย่างนั้นหรือ ท่านแชลเทีย”
“อย่าเรียกข้าว่าท่านเลย พวกเราต่างเป็นข้ารับใช้ของท่านผู้นำสูงสุด แม้ว่าพวกท่านจะแบ่งตำแหน่งของพวกเราต่างกัน แต่อย่างไรก็ตามพวกเราก็เหมือนกันนั้นละ”
ถ้าจะพูดเช่นนั้นก็ไม่ผิด ยกตัวอย่างเช่น โซลูชั่นนั้นถูกสร้างมาให้เป็นลูกน้องของเซบาสเตียน แต่ตามจริงแล้วพวกเค้านั้นก็เป็นสิ่งที่ถูกสร้างเหมือนกัน
“เข้าใจแล้ว แชลเทีย ยังงั้นข้าขอเรียกเจ้าเช่นนี้ละกัน”
“นั้นเยี่ยมมาก แต่ว่าก็ว่าเถอะ ความสัมพันธ์ระหว่างเจ้ากับเดมิเอิร์จก็ไม่ดีนักเหมือนกันนี่”
เซบาสเตียนเงียบ แชลเทียที่เห็นเช่นนั้นกลับเผยรอยยิ้มเหมือนเด้กที่อยากรู้คำตอบอะไรบางอย่างก่อนจะถามต่อว่า
“ท่านผู้นำสูงสุดไม่ได้กำหนดค่าพวกเจ้าเช่นนั้นนี่ แล้วเหตุผลมันคืออะไรละ”
“...ที่จริงแล้วข้าก็ไม่ค่อยแน่ใจเช่นกัน อาจจะด้วยบางทีเกิดจากนิสัยของข้ากับเค้าทำให้ไม่ชอบกันก้ได้ แต่ข้าแน่ใจว่าเค้าก็คงรู้สึกเช่นเดียวกับข้า”
“อืมมมม ข้าไม่เคยรู้สึกกับใครแบบนั้นนะ บางทีความรู้สึกของเหล่าผู้สร้างอาจจะถุกฝังลงในหัวใจของพวกเราก้ได้”
“นั้นก็อาจจะเป็นไปได้”
แชลเทียมองไปยังเซบาสเตียนที่ผงกศรีษะเห็นด้วย จากตำแหน่งของเซบาสเตียนบางทีอาจจะตอบข้อสงสัยของเอได้ แชลเทียถามบางอย่างต่อไป
“ใครอยู่ที่ชั้น 8 ของนาซาริคงั้นหรือ ข้าทราบว่าผู้ดูแลคือวิคทิม แต่มีคนอื่นอยู่ที่นั้นกับเค้าด้วยหรือเปล่า”
สีหน้าของเซบาสเตียนเปลี่ยนไปทันทีหลังจากได้ยินคำถามนี้ เหมือนพยายามจะหาจุดประสงค์ที่แท้จริงในคำถามของแชลเทีย เซบาสเตียนมองไปยังแชลเทียด้วยท่าทางที่จริงจัง สีหน้าของโซลูชั่นท่อยู่ด้านข้างก้เปลี่ยนไปเล้กน้อยเช่นกัน
“นานมาแล้ว....มีพวกโง่เง่าที่ต่อต้านเหล่าท่านผู้นำสูงสุด พวกนั้นรวมตัวกันเป็นจำนวนมหาศาลและโจมตีนาซาริค พวกนั้นสามารถฝ่ามาจนถึงชั้นที่ 7 ได้สำเร็จ แต่ว่าชั้นที่ 9 ที่เป็นที่อยู่ของท่านผู้นำสูงสุดนั้นไมได้ถุกโจมตี จากผลลัพธ์นี้แสดงว่า ชั้นที่ 8 คือสถานที่ที่พวกผู้บุกรุกสามารถฝ่าไปถึง ข้าก็จำเหตุการณ์นั้นไม่ค่อยได้นักแต่ตอนนั้นจำนวนของผู้บุกรุกนั้นมีมากกว่าทางเรามากใครเป็นผู้ที่จัดการพวกผู้บุกรุกนั้นดูเหมือนอัลเบโด้จะรู้ ด้วยตำแหน่งของเธอถ้าไม่รู้ถึงจะนับว่าแปลก”
แชลเทียกล่าวต่อโดยไม่ได้สนใจเซบาสเตียนและโซลูชั่นที่นิ่งเงียบ
“...ข้าไม่ชอบท่าทางของยายนั้น เลยไม่อยากถาม พวกเจ้าพอจะทราบมั้ยใครอยู่ที่ชั้น 8 กันแน่ หรือว่าเป็นสิ่งที่ท่านไอซ์สร้างขึ้นมากับมือ?”
เซบาสเตียนนั้นถูกสร้างโดยทัช-มี เดมิเออร์จนั้นถูกสร้างโดย อัลเบิร์ต อลัน โอเดล และโคคิวทัสนั้นถูกสร้างโดยทาเคมิคาสุจิ แต่ว่าแชลเทียนั้นไม่ทราบว่าไอซ์ซึ่งเป็นผู้นำของเหล่าผู้ยิ่งใหญ่นั้น ส้รางใครขึ้นมา
คงเป็นไปไมได้ที่ท่านไมได้สร้างใครขึ้นมาเลย
ดังนั้นชั้นที่ 8 อาจจะมีผู้ที่ถูกสร้างโดยท่านไอซ์อยุ่ก้ได้
“นั้นคงเป็นไปไมได้ ข้าได้ยินมาว่า ตัวละครที่ถูกสร้างโดยท่านไอซ์มีชื่อว่า แพนโดร่า แอคเตอร์ ความสามารถของเค้านั้นทัดเทียมกับข้ารู้สึกเหมือนกับว่าจะได้รับหน้าที่ให้เฝ้าคลังสมบัติส่วนลึกของนาซาริค”
“พวกคนแบบนี้อยู่ด้วยหรือนี่”
ไม่เหมือนกับอัลเบโ ด้ แชลเทียนั้นไม่ทราบถึงข้อมูลส่วนใหญ่ของนาซาริค นี่เป็นครั้งแรกที่เอได้รับทราบถึงข้อมูลนี้
ถึงแม้ว่าคลังสมบัติของนาซาริคนั้นจะสามารถเดินทางไปได้แค่คนที่มีแหวน ไอซ์ อูล โกรว แต่คงจะน่าแปลกถ้าไม่มีคนเฝ้าที่นั้น
ในส่วนลึกของคลังสมบัติ
ไอเท็มชั้นสูงมากมายถูกเก็บไว้ที่นั้น บางทีอาจจะรวมถึงไอเท็มขั้น world class ด้วย ดังนั้นไม่แปลกเลยที่ท่านไอซ์ทีเป็นผู้นำของเหล่าผู้ยิ่งใหญ่เหมาะสมที่สุดที่จะรับผิดชอบสถานที่นั้น
แชลเทียรู้สึกเสียใจที่ไม่อาจรับหน้าที่อันศักดิ์สิทธ์นั้นได้ แต่ก็ปลอบใจตัวเองว่าการหยุดผู้บุกรุกใน 3 ชั้นแรก ของนาซาริคก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน
ยิ่งกว่านั้น หน้าที่นั้นก้ถุกมอบมหายโดยผู้สร้างของเอ
“ได้ยินว่าอย่างนั้นนะ แต่ข้าก็ไม่เคยพบปะกับเค้าเป็นการส่วนตัวหรอกนะ ถ้าไม่มีแหวนก็ไปยังสถานที่นั้นไมได้”
‘โอ้...”
แชลเทียตอบรับเบาๆราวกับว่าหมดความสนใจในหัวข้อนั้นและกล่าวต่อ
“ท้ายที่สุด ในชั้น 8 ก็ยังเป็นความลับสินะ “
“ถูกต้อง แม้กระทั้งพวกเรายังถูกสั่งห้ามให้เข้าไป ที่นั้นคงต้องมีอะไรซักอย่างแน่นอน”
“อะไรบางอย่างนั้นหมายถึงอะไรนะ”
“บางทีอาจจะเป็นเครื่องจักรที่โจมตีแม้กระทั้งพวกเราก้เป็นได้”
“อืม ... เจ้าอาจจะกล่าวถุกก้ได้ แต่ข้าเดาว่าอาจจะเป็นกับดักที่ฆ่าผู้บุกรุกในทันที ประมาณนั้น”
“มหาสุสานนาซาริคนั้นถูกสร้างอย่างเอาใจใส่โดยเหล่าผู้นำสูงสุด ด้วยข้ารับใช้ที่ซื่อสัตย์เช่นเราเฝ้ารักษา กับดักที่ว่านั้นอาจจะหยุดผู้บุกรุกไมได้ ถ้าพวกนั้สามารถฝ่ามาจนถึชั้นที่ 7 ได้”
“ไปแอบดูกันมั้ย”
แชลเทียยิ้มเหมือนเด้กและกล่าวกับเซบาสเตียน เซบาสเตียนยิ้มและตอบกลับ
“เจ้าอยากจะขัดคำสั่งของท่านไอซ์หรือไง”
‘ล้อเล่นน่าล้อเล่น อย่าทำหน้าตาน่ากลัวแบบนั้นสิ”
“แชลเทีย ความอยากรู้มากเกินไปนั้นบางทีก็ฆ่าเราได้ พวกเราควรจะรอเงียบๆจนกว่าท่านไอซ์พร้อมจะบอกความลับนั้นกับเรา”
“เจ้ากล่าวถูกแล้ว....เอาละ เหยื่อติดกับดักแล้วหรือยังนะ”
การเปลี่ยนหัวข้อสนทนาทำให้เซบาสเตียนหยุนพุดและกล่าวตอบ
“เหยี่อติดกับแล้วที่เหลือก้แค่ลากขึ้นมาเท่านั้น”
หลังจากผงกศรีษะเล้กน้อย แชลเทียเลียริมฝีปากของเอด้วยท่าทางมีความสุข ดวงตาสีแดงของเธอเปล่งประกายมากกว่าปกติ
เซบาสเตียนเข้าใจถึงท่าทีของแชลเทีย ดูจากสถานการณ์นี่เป็นโอกาศที่ดีที่จะทำตามคำขอร้องของโซลูชั่น
“ข้ามีเรื่องจะขอร้องแชลเทียหน่อย”
“อะไรงั้นหรือ”
ในขณะที่แชลเทียกำลังคิดในอนาคตอย่างมีความสุขกลับถูกขัดขวางจากเซบาสเตียน เธออดอารมณ์เสียไมได้ แต่เซบาสเตียนยังคงกล่าวด้วยน้ำเสียงเช่นเดิม
“ชายที่ขับรถม้าอยู่ข้างนอกนั้น ขอให้โซลูชั่นได้หรือไม่”
“...เค้าไม่มีความสำคัญใช่มั้ย”
“ถูกต้อง”
แชลเทียปิดตาของเธออละคิดเล้กน้อยก่อนจะตอบว่า
“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่มีปัญหา ยังไงก็ตามท่าทางก็ดูไม่อร่อยซะด้วย ดุดเลือดไปก็คงรสชาติไมได้เรื่อง”
“ขอบคุณมากสำหรับความใจกว้างของเจ้า แชลเทีย”
“ชอบคุณมากค่ะ ท่านแชลเทีย”
“อ่า เรื่องเล้กน้อยแค่นี้ไม่เป็นไรหรอก”
แชลเทียยิ้มให้กับโซลูชั่นด้วยความยินดี นี่เป็นท่าทางที่หาดูได้ยากสำหรับแชลเทียแต่แค่ชั่วครู่ ก่อนที่จะกลับสุ่ท่าทางปกติก่อนจะกล่าวกับเซบาสเตียน
“ความผิดพลาดของข้าเมื่อครู่ เท่านี้เราก็หายกันแล้วนะ”
“ข้าเข้าใจ.....และแน่ว่าแชลเทียไม่มีทางทำตัวโง่เขลาเช่นนั้นหรอก คำพุดตอนนั้นก็คงจะแค่ล้อเล่นเท่านั้นเอง”
“ใช่แล้ว ถุกต้อง ถ้าเซบาสเตียนพูดแบบเดียวกันข้าก็คงนึกว่าเป็นการล้อเล่น ข้าคงส่งลูกน้องตามสังเกตุเจ้าและคงจะเลาะกระดุกเจ้าออกมาซักชิ้นสองชิ้นพร้อมกับนำตัวไปหาท่านไอซ์ถ้าเจ้าแสดงท่าทางหักหลังพวกเราละนะ”
“ข้าไม่ทำเรื่องโหดร้ายเช่นนั้นแบบเจ้าหรอกแชลเทีย”
“จริงหรือ นั้นทำให้ข้าสงสัยในความภักดีของเจ้านะ ข้าแน่ใจว่าเซบาสเตียนคงทำแบบข้าแน่นอน”
แชลเทียและเซบาสเตียนต่างสบตากันพร้อมกับยิ้มให้อีกฝ่าย
“อย่างไรก็ตาม ข้านะชอบผู้หญิงน่ารักๆการมอบชายคนนั้นให้โซลูชั่นนั้นก็ทำให้ข้ามีความสุขแล้ว”
“ถ้าอย่างนั้น เจ้าจะจับพวกมันอย่างไร ด้วยเวทย์มนต์ [Paralyze] หรือว่า [Blind person] ละ “
ก่อนที่จะมายังเมืองรีลันเทีย ไอซ์ได้สั่งเซบาสเตียนให้จับมนุษย์ที่รู้จักทักษะต่อสู้หรือว่าเวทย์มนต์ เพื่อการนั้นถ้าพวกนอกกฎหมายจะหายไปก็คงไม่มีใครสนใจ เพื่อทำตามแผนนั้นเซบาสเตียนและโซลูชั่นจึงแกล้งแสดงคุณหนูและพ่อบ้านและรอเหยื่อเช่นพวกแชทมาติดกับ
ส่วนด้านแชลเทียก็รับหน้าที่ไปรังของเหยื่อที่ติดเบ็ดอีกทีหนึ่ง
“นั้นไม่จำเป็น ข้าไม่ใส่ใจมากขนาดนั้นหรอก ท่านไอซ์กล่าวว่าทำให้พวกนั้นกลายเป็นทาศก้ได้แค่จับตัวมาก็พอ ข้าไม่มานั่งสอบสวนเรียงคนหรอก จับมาดูดเลือดให้หมดก็จบแล้ว”
เซบาสเตียนผงกสรีษะรับทราบโดยไม่พุดอะไร แต่ทางเลือกของแชลเทียนั้นทำให้เค้าไม่ค่อยสบายใจนัก และหลุดพูดออกมาว่า
“ถ้าจากมุมมองของข้าแล้ว ท่านเดมิเอิร์จน่าจะเหมาะกับงานนี้มากว่า คล้ายกับลมหายใจของท่านออร่า ท่านเดมิเอิร์จสามารถวบคุมความรู้สึกนึกคิดของผู้อื่นได้”
เดมิเอิร์จนั้นมีความสามารถพิเศษ [Domination Curse] เป็นสกิลขั้นสูงที่สามารถควบคุมจิตใจของผู้อื่นได้ ในงานท่ต้องจับกุมเป้าหมายนั้นสกิลนี้มีประโยชน์อย่างมาก
“...หือ...”
แชลเทียส่งเสียงออกมา
บรรยากาศภายในรถม้าดูตึงเครียดขึ้นมาทันที
กระทั้งม้าข้างนอกยังส่งเสียงร้องด้วยความหวาดกลัวออก แวมไพด์สองตัวข้างกายแชลเทียมองนานของตัวเองด้วยสีหน้าขาวซีด กระทั้งโซลูชั่นยังตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว กระทั้งเซบาสเตียนที่อยู่ระดับเดียวกันกับแชลเทียยังอดตกใจไมได้
รังสีสังหารจากตัวของแชลเทีย หนึ่งในกาเดี้ยนที่แข็งแกร่งที่สุดเปรียบเทียบกับบรรยากศตอนเธอทะเลสะกับออร่าแล้วนับเป็นคนละเรื่องกันเลยทีเดียว
แชลเทียเบิ่งตาสีแดงที่ลุกโชนของเธอและกล่าวว่า
“เซบาสเตียน --- ไหนลองพุดอีกครั้งสิ เผ่ามังกรอย่างเจ้าจะใช้ร่างนั้น..”
ตาของเธอตอนนี้แดงไปทั่วเป้าตา
“สู้กับข้าแบบตายไปข้างหนึ่งยังงั้นหรือ”
“ข้าพุดผิดไปแล้ว ขออภัยอย่างสูงกับคำพูดที่ไม่ได้ตั้งใจของข้า ถ้ายังไงเจ้ายกเลิกสกิล [Blood Frenzy] ก่อนจะได้หรือไม่”
แชลเทียเงียบไปตอบคำ
เซบาสเตียนสามารถบอกได้จากท่าทางของแชลเทียในตอนนี้ว่าเธอเองก็ไม่สบายใจเช่นเดียวกัน
ในยัคดราซิล อาชีพหรือเผ่าพันธ์ที่แข็งแก่งนั้นมีข้อด้อยแฝงอยู่เสมอเพื่อไม่ให้เกมเสียสมดุลมากเกินไป ยกตัวอย่างสกิล [Blood Frenzy] ของแชลเทียนั้นถ้ายิ่งร่างอาบเลือดมากเท่าไหรเธอจะยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นแต่ก็แลกมาด้วยกับการที่เธอจะไม่สามารถควบคุมตัวเองได้
ไอซ์เลือกแชลเทีย ซึ่งบางทีอาจจะไม่สนใจคำสั่งของตัวเอง สำหรับภารกิจนี้เพราะว่า อัลเบโด้นั้นต้องอยู่ปกป้องนาซาริค ในขณะที่ตัวเลือกเหลือแค่แชลเทียและโคคิวทัส แชลเทียทีดู่มีความเป็นมนุษย์มากกว่าจึงเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า
แชลเทียนั้นพยายามสูดหายใจเพื่อข่มอารมณ์ของตัวเอง และในที่สุดก็กลับสู่สภาวะปกติ
“กล่าวง่ายๆนะ หลังจากดูดเลือดพวกนั้นแล้วพวกมันก็จะกลายเป็นทาศของเรา ไม่ต้องเอากลับไปแบบมีชีวิตก้ได้ ท่านไอซ์ก็อนุญาติแล้ว”
ถ้ามองในเรื่องที่แชลเทียเป็นนักล่าก็เหมาะสมกับงานประเภทนี้อยู่
“เอาละ เจ้าไม่ต้องพูดแล้ว ข้าต้องทำภารกิจที่ท่านไอซ์มอบหมายให้สำเร็จ ท่านไอซ์จะต้องชื่นชมข้าอย่างแน่นอน เช่น ‘ทำได้ดีมากแชลเทีย เจ้าเป็นข้ารับใช้ที่ข้าเชื่อใจมากที่สุด’ หรือว่า ‘เจ้าเหมาะสมที่สุดที่จะอยู่ข้างกายข้า’”
“โปรดยกโทษให้กับความคิดที่ตื่นเขินของข้าด้วยเถอะ”
แชลเทียกล่าวขอโทษแชลเทียและกล่าวต่อว่า
“ข้าไม่ทันระวังว่าคำพูดของข้าจะถอนความเชื่อใจต่อท่านไอซ์ที่มีต่อเจ้า ข้าขอโทษจริง ดปรดยกโทษให้ข้าด้วยเถอะ”
ไม่เพียงเท่านี้ เซบาสเตียนยังก้มหัวขออภัยแวมไพด์ทั้งสองและโซลูชั่น ----ในขณะนั้นเองรถม้าก้หยุดลง
“ดูเหมือนรถม้าจะหยุดแล้วนะ”
“ถุกต้อง”
หลังจากตกอยู่ในภวังอย่างมีความสุขว่าหลังจากเสร็จภารกิจแล้วท่านไอซ์จะกล่าวชมเธอเช่นไร แชลเทียก้เรียกสติตัวเองกลับมาและยิ้มให้กับเซบาสเตียน
Part 4
ชายที่ดูแข็งแรงจำนวน 10 คน ปรากฎตัวออกมาจากป่าและล้อมรถม้าไว้ วุธและเครื่องป้องกันของแต่ละคนดูแตกต่างกันออกไป บ้างก็ดูไร้คุณภาพ บ้างก็ดูดี
ชายกลุ่มนี้กำลังปรึกษากันอยู่ว่าจะทำยังไงกับเหยื่อคราวนี้ดี เช่น ใครจะเป็นคนจัดการก่อน ดูจากท่าทางที่ไม่ทุกข์ร้อนแสดงว่าเคยทำเช่นนี้มาหลายครั้งแล้ว ครั้งนี้ก็คงไม่ต่างกัน ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องตื่นเต้น
แชทกระโดดลงจากที่นั่งคนขับและเข้าไปร่วมกลุ่มกับชายเหล่านี้
ก่อนที่จะโดดลงไปนั้นเค้าได้ตัดสายบังเหียนม้าเพื่อป้องกันรถม้าเคลื่อนที่ นอกจากนี้ยังกันประตูทางออกให้ออกได้ทางเดียวคือทางที่กลุ่มชายเหล่านี้ดักอยู่
ชายกลุ่มนี้ขยับอาวุธของตัวเองเป็นนัยบอกว่าถ้าคนในรถม้ายังไม่ลงมา พวกเค้าจะเข้าจู่โจม
เหมือนกับว่าตอบรับท่าทางข่มขู่นี้ ประตูรถม้าเปิดออกช้าๆ
หญิงสาวที่สวยงามปรากฎขึ้นทางกล่ามแสงจันทร์ กลุ่มทหารรับจ้างหรือว่าอีกอย่างคือกลุ่มโจรเบื้องหน้านี้มองหญิงสาวด้วยรอยยิ้มที่แปลกๆสายตาของพวกเค้าเต็มไปด้วยความหื่นกระหาย ปฎิกริยาพวกนี้สามารถสังเกตุได้อย่างชัดเจน
แต่ว่า แชทกลับสงสัย
ถ้าจะอธิบายสีหน้าของแชทในตอนนี้คงจะประมาณว่า ‘นี้ใครละเนี่ย’ แชทไม่เคยเห็นหญิงสาวท่าทางสวยงามเบื้องหน้านี้มาก่อน แม้ว่าจะคุ้นเคยกับคนในรถม้าก็ตาม สถานการณ์นี้ทำให้แชทไม่มีคำพูดจะกล่าว
จากนั้นหญิงสาวอีกคนที่เครื่องแต่งกายเหมือนกันก็ลงมาจากรถม้า โจรบางคนยิ้มอย่างแปลกใจพวกจากแหล่งข่าวเป้ามหายมีแค่หญิงสาวที่ร่ำรววยและพ่อบ้านสูงอายุเท่านั้น
จากนั้นผู้หญิงที่ดูคล้ายเด็กก็ลงจากรถม้ามาอีกคน จากท่าทางของเธอทำให้เหล่าโจรลืมความสงสัยเมื่อสักครู่จนหมดสิ้น
ผมที่ดูคลายผ้าไหมของเธอส่องประกายภายใต้แสงจันทร์ ดวงตาสีรุ้งของเธอท่อประกายยั่วยวนและเชิญชวน
หลังจากเห็นหญิงสาวที่สวยงามเบื้องหน้าเหล่าโจรอดถอนหายหายใจในความงามออกมาไม่ได้ บางคนลืมแม้กระทั้งจะชักอาวุธออกมา เมื่อพบกับความงามเช่นนี้ ท่าทางต่ำช่ำเมื่อครู่นั้นมลายหายสิ้นไปจนหมด
ภายใต้สายตาทีเต็มไปด้วยเสน่ห์นั้น แชลเทียเผยรอยยิ้มที่ดูยั่วยวน จากนั้นเดินไปยังกลุ่มโจรเบื้องหน้า
“ทุกท่าน ต้องขอบคุณมากที่มารวมกันตัวกันเพื่อข้า อ่า ใครคือหัวหน้าของพวกเจ้าละ ข้าอยากจะพูดคุยต่อรองด้วย”
จากสายตาของเหล่าโจรที่จ้องมองไปยังชายคนหนึ่ง เหมือนเป็นคำตอบ แชลทียยิ้มอย่างพอใจกับคำตอบนี้
“อยา.... อยากจะต่อรองอะไรละ”
หลังจากยลโฉมหญิงสาวที่เค้าคิดว่าสวยที่สุดในชีวิตที่เคยพบมา ชายที่เป็นหัวหน้าได้สติและเดินออกไปยังเบื้องหน้า
“อ่า... ขออภัยด้วย การต่อรองเป็นแค่ข้ออ้างเพื่อที่ข้าอยากทราบว่าใครเป็นหัวหน้าเท่านั้นเอง”
“พวกเจ้าเป็นใครกันแน่”
แชลเทียมองมายังแชทที่ถามคำถามนี้
“อ้อ เจ้าคือแชทสินะ ข้าสัญญาว่าจะมอบเจ้าให้โซลูชั่นแล้ว ดังนั้นช่วยถอยไปหน่อยได้มั้ย”
เหล่าโจรเริ่มมองหน้ากันด้วยความสับสน แต่หนึ่งในนั้นกล่าวว่า
“หึหึ นังโสเภณี รูปร่างของเจ้าไม่เลวนี่น้า อีกสักครู่ข้าจะทำให้เจ้าร้องไม่หยุดทีเดียว”
โจรที่อยู่เบื้องหน้าแชลเทียกล่าวพร้อมกับเอื้อมมือหมายขย้ำหน้าอกอันใหญ่โตที่ไม่เข้ากับรุปร่างของหญิงสาวเบื้องหน้า
แต่ทันใดนั้นเอง ---- มือข้างนั้นก็ร่วงหล่นลงกับพื้น
“ได้ดปรดอย่ามามือสกปรกนั้นมาสัมผัสข้าได้มั้ย”
โจรคคนนั้นตะลึงกับภาพที่เห็น ชั่วครู่ก็ร้องออกมาอย่างเจ็บปวด
“อ๊ากกกก แขน แขนของข้า”
“เจ้าแค่เสียแขนไปข้างเดียวเอง ทำไมร้องเสียงดังซะขนาดนี้ นี่ยังเรียกจัวเองเป็นผู้ชายอีกหรือ”
แชลเทียพึมพำเล้กน้อยก่อนจะโบกมือเบาๆ จากนั้นศรีษะของชายคนนั้นก็หลุดออกจากบ่า
เป็นไปได้อย่างไรที่หญิงสาวคนนี้สามารถตัดหัวผู้ชายคนหนึ่งโดยใช้มือเปล่า เหมือนฉากในฝันร้าย แต่ฉากที่สยดสยองเบื้องหน้าก็เรียกสติเหล่าโจรกลับมาสุ่ความจริง
เลือดฉีดพุ่งเหมือนน้ำพุ่งออกมาจากร่างที่ปราศจากศรีษะนั้น เหมือนกับว่าเลือดเหล่านั้นมีชีวิต กลุ่มเลือดปรสภาพเป็นลูกบอลเล็กๆเบื้องหน้าของแชลเทีย
ผู้ร่วมทางมากับแชลเทียต่างทราบว่านี่คือสกิลพิเศาของเธอ [Blood Pull] แต่เหล่าโจรที่ไม่ทราบนันกลับคิดว่าในใจว่า
“นักเวทย์!!!”
ถ้าพวกนี้มีความเข้าใจในเวทย์มนต์ระดับนึง พวกเค้าก็จะระวังตัวกันมากกว่านี้ ‘นักเวทย์’ เป็นแค่คำทั่วๆที่ใช้กล่าวถึงคนที่ใช้เวทย์มนต์ได้ แต่โดยลึกแล้วก้มีการแตกแขนงต่างกันออกไป หลังจากเห็นการแต่งกายของแชลเทียแล้ว สิ่งแรกที่พวกโจรควรนึกได้คือ นักเวทย์ที่ใช้เวทย์ทั่วๆไป จากนั้นก็สามารถใช้เวทย์ควบคุมจิตใจได้ แต่เนื่องจากเหล่าโจรขาดความเข้าใจในเรื่องนี้จึงไม่สามารถชี้ชัดลงไปได้ ในอีกความหมายนึงคือเมื่อพวกเค้าเห็นสิ่งที่ไม่สามารถอธิบายได้ก็จะตีความไปว่ามันคือเวทย์มนต์
หลังจากแชลเทียสรุปได้ว่าพวกโจรเหล่านี้ไม่มีความรู้เรื่องสกิลหรือเวทย์มนต์เลย ก้หมดความสนใจ เหล่าโจรที่ตกใจต่างเตรียมอาวุธของตัวเองเพื่อป้องกัน
“น่าเบื่อจริงๆ พวกเจ้าจัดการที่เหลือก็แล้วกัน แต่ว่าเหลือเจ้านั้นและเจ้านี่ไว้เข้าใจมั้ย”
“ค่ะ ท่านแชลเทีย”
แวมไพด์ที่อยู่ข้างหลังของแชลเทียขยับขึ้นมาข้างหน้าก่อนจะโจมตีไปยังไปหน้าของโจรคนหนึ่งที่ฟันดาบมายังแชลเทียส่งผลให้โจรคนนั้นกระเด็นไปยังด้านหลัง
ภาพที่ปรากฎเหมือนกับว่าโจรคนนั้นถุกหวดด้วยท่อนเหล้กอย่างสุดแรง
เสียงที่ฟังคล้ายกับลุกโป่งที่ระเบิดออกและมีของเหลวกระเซ็นออกมา โจรคนนั้นกระเด็นถอยหลังไปพร้อมกับเลือดและสมองที่สาดกระจายไปทั่วบริเวณ เลือดที่กระเซ็นกลางอากาศส่งผลให้เมื่อสะท้อนแสงจันทร์แล้วเป็นภาพที่สวยงาม
แชทตกใจกับภาพเบื้องหน้า ภาพที่ไม่น่าจะปรากฎด้วยฝีมือของมนุษย์นั้นเกือบทำให้เค้าอาเจียนออกมา
ซี่โครงของมนุษย์ที่ถูกดึงออกมาเหมือนกับกระดาษ ศรีษะที่ถูกจับด้วยสองมือนั้นระเบิดออกเหมือนกับผลทับทิมที่ถูกแกะ
ท้องของโจรคนนึงถุกมือเปล่าแทงทะลุแม้ว่าจะสวมเกราะอยุ่ก่อนที่ลำใส้จะถูกมืองข้างนั้นสาวออกมาหลายเมตร
โจรคนนึงคลานไปบนพื้นพร้อมกับส่งเสียงร้องอย่าโหยหวน เพราะว่าเค้านั้นพยายามจะหนีขาทั้งสองข้างจึงถูกหัก หากสังเกตุจะพบว่ากระดูกนั้นแทงทะลุกล้ามเนื้อออกมา แต่ก็ยังใช้แขนทั้งคู่คลานหนีเหมือนพยายามจะหนีจากภาพสยดสยองเบื้องหน้า เค้าพยายามจะมีชีวิตอยู่รอดต่อไปแม้จะเพียงแค่ชั่วครู่ก็ตาม
หญิงสาวเบื้องหน้ามองไปยังโจรบางคนที่ร้องขอชีวิตก่อนจะหัวเราะออกมา
---มันเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร---
แชทพยายามจะค้นหาคำตอบ
แม้ว่าจะมีคำกล่าวว่า’คนอ่อนแอย่อมตกเป็นเหยื่อของคนที่แข็งแกร่ง’ หรือว่า ‘คนที่แข็งแกร่งที่สุดย่อมมีชีวิตรอด’และแชทก้เชื่อเช่นนั้น แต่ว่าภาพเบื้องหน้าทำให้เค้าคิดขึ้นว่า มันถูกแล้วหรือที่คนที่แข็งแกร่งจะทำเกินเลยเช่นนี้
แน่นอนว่าไม่ เค้าไม่มีทางนอมรับได้เพราะว่ามันโหดร้ายเกินไป แต่ว่าด้วยตัวเค้าเองจะไปทำอะไรได้ ตอนนี้ศัตรูยังเข่นฆ่ามาไม่ถึงตัวเค้า แต่ถ้าเค้าพยายามจะหนีคงจะมีชะตากรรมเดียวกันกับโจรที่คลานอยู่บนพื้นคนนั้น
แชทล้วงไปในเสื้อและจับมีดสั้น
----อาวุธนี้มันเล้กไปจะไปสู้กับพวกสัตว์ประหลาดที่ฆ่าคนเบื้องหน้านีได้อย่างไร---
เค้าจะทำอย่างไรดี แชทนึกภาพตัวเองเผอิญหน้ากับสัตวืประหลาดเบื้องหน้านั้นไม่ออก
แชทพยายามที่จะซ่อนตัวเองแต่เสียงฟันกระทบกันของเค้านั้นส่งเสียงดังจนตัวเองยังได้ยินถ้าพวกสัตว์ประหลาดนั้นได้ยินและตามมาฆ่าเค้าละ จะทำยังไง
----พวกนี้มันเป็นใครกันแน่----- แชทไม่รู้สึกถึงพวกนี้แม้แต่น้อยตอนขับรถม้า
ขณะที่แชทกำลังคิดนั้น
“แชท มาทางนี้สิ”
---ทันใดนั้น น้ำเสียงที่หยาดเยิ้มไม่เข้ากับภาพเบื้องหน้าก้ดังขึ้นข้างหลังแชท
แชทมองไปข้างหลังอย่างตกใจ และพบว่าเจ้าของเสียงนั้นคือนายจ้างของตัวเอง
สีหน้าของเธอนั้นไม่เหมือนยามปกติ ถ้าแชทมีสติพอคงจะระวังตัว แต่ว่าตอนนี้แชทตกใจจนคิดอะไรไม่ออกนั้นจึงไม่แปลกใจกับท่าท่าที่ไม่ปกตินั้น
“สัตว์ประหลาดพวกนั้นมันอะไรกัน”
แชทตะโกนถามหญิงสาวเบื้องหน้า
“ถ้ามีสัตว์ประหลาดแบบนั้น ทำไมเจ้าไม่บอกข้า”
ใช่แล้ว ถ้าเค้ารู้ภาพสยอดสยองแบบนี้คงจะไม่เกิดขึ้น ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดมาจากผู้หญิงคนนี้
“พูดอะไรซะบ้างสิ!!! ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเพราะเจ้าเป็นต้นเหตุ!!!”
ด้วยความโกรธ แชทจับหัวไหล่ของโซลูชั่นและเขย่าไปมาอย่างแรง
“..เข้าใจแล้ว มาทางนี้สิ”
“เจ้า..เจ้าจะช่วยข้าหรือ”
“ไม่หรอก นี่คงเป็นโอกาศสุดท้ายแล้ว ข้าต้องการที่จะลิ้มรสเจ้า”
มือที่เย็นเฉียบของโซลูชั่นจับมือของแชทไว้และพาเดินออกไป
“เพราะว่าท่านเซบาสเตียนไม่ชอบสิ่งแบบนี้อย่างมาก แม้ว่าข้าจะได้รับอนุญาติแล้วแต่ไปยังที่ห่างออกไปหน่อยจะดีกว่า”
แชทไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอพูด แต่เค้าเข้าใจว่าเมื่อถูกนำไปยังอีกที บางทีอาจจะมีโอกาศรอดมากกว่า
แชทแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินเสียงกรีดร้องทางด้านหลัง
นี่มันช่วยไมได้ เค้านั้นอ่อนแอ คงไมมีทางจะช่วยเพื่อนของเค้าซึ่งแข็งแกร่งกว่าตัวเองได้
“ได้โปรดอย่ารุนแรงมาก ถ้าเป็นไปได้ข้าอยากให้เจ้านิ่มนวลกับข้า นั้นคงจะทำให้ข้ามีความสุขมาก....”
ข้างหลังรถม้าโซลูชั่นกระซิบกับแชทด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา มือของเธอเอื้อมไปด้านหลังและถอดชุดของเธอออก แชทตกตะลึงกับภาพเบื้องหน้า แต่โซลูชั่นก็ยังปลดเสื้อของเธอต่อไปไม่หยุด แชทอดถามไมได้ว่า
“เจ้า...ทำอะไรนะ”
“แล้วเจ้าคิดว่ายังไงละ”
และแล้วโซลูชั่นก็เปลื้องอาภรณ์ท่อนบนของเธออก
เหมือนกับว่ารอจังหวะนี่อยู่ ภูเขาที่ถูกเก็บกดเอาไว้ข้างในทะลักตั้งตระหง่านออกมา ปถุมทันได้รูปทั้งคู่นั้นขาวราวกับหิมะเมื่อต้องแสงจันทร์ยิ่งสะท้องประกายออกมา
ภาพเบื้องหน้าทำให้แชทถึงกับกลืนน้ำลาย
“ได้โปรด...”
เหมือนกับว่าต้องการให้สัมผัสมัน โซลูชั่นยืนหน้าออกของเธอไปยังเบื้องหน้าของแชท
“เจ้าต้องการข้าให้ทำอะไร...”
แชทนั้นลืมว่าสถานการณ์รอบข้างเป็นเช่นไร เค้ามาสามารถละสายตาจากภาพเบื้องหน้าได้
สวยงามเหลือเกิน ผู้หญิงเบื้องหน้าแชทนั้นสวยงามที่สุดและรูปร่างทีดู่ยั่วยวนนั้น แชทไม่เคยพบผู้หญิงที่สวยงามแบบนี้มาก่อนในชีวิต
ก่อนหน้านั้นในบรรดาผู้หญิงที่แชทเคยจัดการนั้น ส่วนใหญ่ก็สวยงามในระดับนึงแน่นอนย่อมเป็นการโจมตีคณะเดินทาง แต่เมื่อถึงคิวของเค้าส่วนใหญ่พวกเธอเหล่านั้นก็มีสภาพเหมือนกับปลาตาย
แต่หญิงสาวเบื้องหน้านี้สวยงามกว่ามากและม่ได้ไร้ชีวิตชีวาเหมือนพวกที่แชทเคยผ่านมือมา
แชทกลืนน้ำลาย ลำคอของเค้าร้อนผ่าว หอบหายใจหนักคล้ายกับสุนัข จากนั้นเอื้อมมือของเค้าไปยังหน้าออกของโซลูชั่น
ความรู้สึกนั้นเหมือนกับสัมผัสผ้าไหมอันอ่อนนุ่ม
แชทอดใจไมไหว และขย้ำเฟ้นฟอนหน้าอกอวบใหญ่นั้น
มือของเค้าจมลงไปในหน้าอกคู่นั้น
ความรู้สึกที่อ่อนนุ่มเหมือนกับว่ามือของเค้าจมลงไปในหน้าออกนั้น ตอนแรกแชทคิดว่าคงจะรู้สึกไปเองแต่เมื่อสังเกตดีๆแล้ว แชมพบว่าตอนนี้มือของเค้าจมลงไปจริงๆ
“นี่มัน...นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้นเนี่ยยยย”
แชทตะโกนกับภาพไม่น่าเชื่อเบื้องหน้าและพยายามจะดึงมือกลับมา แต่ไม่ว่าจะออกแรงมากขนาดไหนก็ไม่สามารถดึงออกมาได้ในทางกลับกันหน้าออกคู่นั้นกลับดูดร่างของแชทเข้าไปช้าๆเหมือนกับว่าภายในร่างของโซลูชั่นนั้นมีอะไรบางอย่างดึงร่างของเค้าเข้าไป
สีหน้าของโซลูชั่นนั้นสงบราบเรียบตัดกับภาพเบื้องหน้า เธอมองดูแชทอย่างเงียบๆ เหมือนกับนักวิทยาศาสตร์ที่มองหนูทดลอง สายตาของเธอที่จ้องมายังแชทฉายแววอยากรู้อยากเห็นราวกับว่าแชทนั้นตอนนี้รู้สึกเช่นไร
“หยุดนะ ปล่อยข้าเดี้ยวนี้”
แขนอีกข้างของแชทต่อยไปยังร่างผู้หญิงเบื้องหน้า
1 ครั้ง 2 ครั้ง 3 ครั้ง
แต่เหมือนกับว่าโซลูชั่นนั้นไม่มีความเจ็บปวดเลย ร่างของเธอไม่ขยับและแสดงอาการแม้แต่น้อย
แชทนั้นรู้สึกเหมือนต่อยไปยังถุงน้ำร่างนั้นดูดซับแรงโจมตีไปทั้งหมด การต่อยใครสักคนมันต้องไม่ใช่ความรู้สึกเช่นนี้
แชทนั้นถูกความต้องการของตัวเองครอบงำ แต่ตอนนี้กลับจำภาพที่สยดสยองเบื้องหลังได้
ในที่สุดแชทก็เข้าใจ
หญิงสาวเปลือยเปล่าเบื้องหน้าเค้าคนนี้ก็เป็นสัตว์ประหลาด
“ดูเหมือนเจ้าจะรู้ตัวแล้วสินะ งั้นมาเริ่มสนุกกันเถอะ”
ก่อนที่แชทจะตอบคำ เค้ารู้สึกแขนข้างที่จมอยู่นั้นเหมือนมีเข็มนับพันมาทิ่มความเจ็บปวดที่แทบจะทำให้หมดสติลามไปทั่ว
“อ๊ากกกกกกกกกกกกก”
“ข้าย่อยแขนของเจ้าไปเรียบร้อยแล้ว”
ในความเจ็บปวดนั้นเสียงแผ่วเบานั้นบอกกับเค้า แต่แชทเหมือนไม่เข้าใจ สิ่งที่เค้าเผอิญอยู่มันเกินความเข้าใจทั่วๆไปของแชท
“ความจริงแล้ว ข้าอยากจะมองมันถูกย่อยไปกับตา เพราะว่าแชทบอกว่าอยากสนุกกับข้าและอยากเข้ามาในตัวข้า ความรู้สึกของเรานั้นตรงกันมากเลยข้ารู้สึกดีใจเป็นอย่างมากที่แชทรู้สึกแบบนั้นกับข้า”
“อ๊ากกก ไอ้สัตว์ประหลาดดดด”
แชทพยายามข่มกลั้นความเจ็บปวดและชักมีดสั้นในเสื้อออกมา และแทงไปยังใบหน้าที่สวยงามของโซลูชั่น ร่างของเธอกระตุกเล็กน้อย
“ฮ่าฮ่า เป็นยังไงละ”
แต่แชทรู้สึกที่เหมือนแทงลงไปในน้ำ ใบหน้านั้นแตกสยายออกเหมือนกับเวลาปาหินลงไปในน้ำและกระเพื้อม
โซลูชั่นยังคงแสดงอาการนิ่งสงบแม้ดาบสั้นจะปักลงไปยังใบหน้าของเธอ พร้อมกับกระซิบว่า
“เสียใจด้วย ตัวข้านั้นไม่ได้รับผลจากการโจมตีกายภาพการโจมตีแบบนี้ทำร้ายข้าไมได้หรอก ดาบนี่ก็จะถูกย่อยสลายเช่นกัน”
เหมือนกับกรดที่กัดกร่อน ไม่กี่วินาทีหลังจากนั้นด้ามดาบก็หล่นลงสู่พื้นใบหน้าของโซลูชั่นกับสู่สภาพเดิมราวกับว่าเรื่องเมื่อครู่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
“แกมันเป็นตัวอะไรกันแน่”
แม้จะเจ็บปวดแต่ภาพสยดสยองเบื้องหน้านั้นทำให้แชทลืมความเจ็บปวดไป เค้าหลั่งน้ำตาออกมา ก่อนจะถาม
แต่คำตอบนั้นน่ากลัวจนเค้าแทบอยากจะปิดหู
“ข้าเป็น Ooze นะ เอาละเวลาจะหมดลงแล้วขอให้เค้ากลืนเจ้าทั้งตัวเถอะนะ”
แรงดึงดูภายในตัวของโซลูชั่นค่อยๆเพิ่มขึ้นร่างของแชทจมลงไปทีละนึดๆ
“ได้โปรด ได้โปรด ไว้ชีวิตข้าด้วยเถอะ”
แชทร้องให้พร้อมกับตะโกนร้องขอชีวิต แต่แรงดึงดูดนั้นมากเกินกว่าแรงมนุษย์เช่นแชทจะต้านไหว แขน หน้าอก และร่างของแชทค่อยๆจมลงไปในร่างของโซลูชั่น
“ลิเลีย!!!”
แชทตะโกนคำพูดสุดท้ายของเค้าก่อนที่ทั่วทั้งร่างจะจมหายไปในร่างของโซลูชั่น
ไม่กี่นาทีหลังจากเริ่มการโจมตี ทั่วทั้งบริเวณไม่มีผู้รอดชีวิตอยู่เลย กลื่นเลือดกระจายฟุ้งไปทั่วบริเวณ
ไม่สิ ยังมีโจรคนหนึ่งรอดชีวิตอยู่ เค้าคุกเข่าอยู่พร้อมกับเลียทำความสะอาดรองเท้าของแชลเทียที่เปื้อนไปด้วยเลือดและเศษสมอง ที่เธอเหยียบศรีษะโจรคนหนึ่งจนมันแตกกระจายออกเปื้อนรองเท้าด้วยความสนุก
แชลเทียยิ้มอย่างพอใจ
“ชอบใจมาก ตามสัญญาข้าจะไว้ชีวิตเจ้า”
โจรที่แตกตื่นตกใจเบื้องหน้าเงยหน้ามองแชลเทียดวงตาของเค้าแสดงความขอบคุณ พร้อมกับโขกศรีษะขอบคุณไม่หยุด แชลเทียมองโจรคนั้นเหมือนกับสายตาที่จ้องมองสุนัขที่เชื่องตัวหนึ่งพร้อมกับเดาะลิ้นของเธอ
“ดูดซะ”
แวมไพด์ทั้ง 2 ตัว มายังด้านข้างของชายคนนั้น โจรคนนั้นตระหนักถึงชะตากรรมของตัวเองในที่สุด
“เจ้าจะมีชีวิตต่อไปในสภาพของอันเดธ ข้าไมได้โกหกนะ ว่าจะไม่ฆ่าเจ้า”
แวมไพด์ทั้ง 2 ตัวเริ่มดูดพลังชีวิตของโจรคนนั้นทีละนิดๆ แชลเทียกวาดสายตาไปยังโซลูชั่นที่แต่งตัวเรียบร้อยและกำลังเดินมายังด้านนี้พร้อมกับถามว่า
“เจ้าเรียบร้อยแล้วหรือ”
“ค่ะ ข้าพึงพอใจมาก ขอบคุณมากค่ะ ท่านแชลเทีย”
“ไม่ต้องหรอก พวกเราล้วนมาจากนาซาริคเป็นเหล่าสหายกันเองทั้งนั้น ว่าแต่มนุษย์คนนั้นคงสนุกมากสินะ”
“ตอนนี้เค้าก็ยังสนุกอยู่ค่ะ ท่านต้องการจะดูมั้ย”
“เอ๋ จริงหรือ งั้นขอข้าดูหน่อยสิ”
แขนของผู้ชายโผล่ออกมาจากใบหน้าของโซลูชั่น กลิ่นเหม็นกระจายออกมาจากแขนข้างนั้น เหมือนกับถูกย่อยจากน้ำกรดจนสามารถมองเห็นกล้ามเนื้อที่กำลังเน่าเปื้อยอยู่ แขนข้างนั้นขยับกระตุกเหมือนกับพยายามจะขว้าอะไรบางอย่างน้ำกรดกระเซ็นลงบนพื้นจนบริเวณพื้นนั้นมีควันลอยขึ้นมา
“ต้องขออภัยด้วยค่ะ ข้าไม่คิดว่าเค้ายังคงดูสนุกสนานและมีชีวิตชีวาอยู่”
โซลูชั่นก้มลงขอโทษพร้อมกับดูดแขนข้างนั้นกลับไปยังภายในร่างของเธอ หลังจากนั้นเธอก็ยิ้มออกมา
“ยอดเยี่มมากเลย ดูจากรูปร่างของเจ้าแล้วดูไม่ออกเลยว่ากำลังกลืนมนุษย์อยู่”
“ขอบคุณสำหรับคำชมค่ะ ภายในของข้านั้นว่างเปล่าดูจากภายนอกไม่ออก ข้าเป็นสิ่งมีชีวิตแบบนี้ละค่ะ”
“งั้นหรือ หวังว่าข้าคงไม่สอดรู้มากไปแต่ว่าชายคนนั้นเมื่อไหรถึงจะตายละ”
“ ปกติถ้าต้องการฆ่าในทันทีเลยก็ได้ค่ะ แต่ไม่ค่อยบ่อยนักที่มีคนอยากเล่นสนุกกับข้าเช่นนี้ ข้าวางแผนว่าจะสนุกกับเค้าไปอีกซัก 2- 3 วันค่ะ”
“ข้าไม่ได้ยินเสียงกรีดร้องเลย หรือเพราะว่ามันอยู่ข้างใน?”
“ก็ไม่เชิงค่ะ ถ้ากรดนั้นกัดไปถึงหลอดสียงเค้าคงจะตายทันที ดังนั้นข้าใช้ส่วนหนึ่งของร่างกาดอุยปากไว้เพือ่ไม่ให้เสียงกรีดร้องดังออกมา แน่นอนเพื่อป้องกันกรดทะลักไปย่อยอวัยวะภายในด้วยค่ะ”
“โอ้ เจ้าช่างเอาใจใส่ของเล่นจริงๆ สามารถเล่นได้จนวาระสุดท้าย ยอดเยี่ยมมาก แล้วเจ้าสามารถเลือกจุดที่จะย่อยก่อนได้มั้ย เช่น แชน ขา อะไรทำนองนี้”
“นั้นง่ายมากค่ะ ในร่างของข้ายังมีโพชั่นแล้วม้อนคัมภีเวทย์มนต์อยู่ของพวกนั้นจะไมได้รับอันตรายจากกรดของข้าเลย ต่อให้ท่านแชลเทียเข้าไปในตัวข้า ข้าก็ป้องกันได้ค่ะ แต่ท่านต้องไม่ดิ้นมากเกินไปนะค่ะ”
“ว้าว Ooze นี่ยอดเยี่ยมจริงๆ ไว้คราวหน้าเรามาเล่นด้วยกันนะ โซลูชั่น”
“ไม่มีปัญหาค่ะ แต่ว่าท่านเลือกของเล่นแล้วหรือยังค่ะ”
แชลเทียนั้นรู้สึกว่าโซลูชั่นจ้องไปยังแวมไพด์ด้านหลังเธอ และยิ้มอย่างสดใสออกมา
“พวกนั้นคงทำให้เราสนุกได้ไม่น้อย แต่ว่าข้าวางแผนไว้ว่ารอให้มีใครซักคนมาบุกนาซาริคหลังจากจับได้ข้าจะขอพวกมันจากท่านไอซ์”
“รับทราบค่ะ ยังไงก็ขอข้ามีส่วนรวมในความสนุกนั้นด้วยนะค่ะ ข้าตั้งใจว่าจะลองกลืนและเหลือส่วนหน้าอกไว้ นั้นคงจะสนุกไม่น้อย”
“ดูเหมือนเจ้าจะเข้ากันได้ดีกับผู้สอบสวนนะ”
“หมายถึงท่านนิวโรนิสหรือค่ะ น่าเสียดายที่ข้าไม่ค่อยจะเข้าใจกับศิลปะของท่านซักเท่าไหร”
ขณะที่ทั้งคู่จะสนทนากันต่อก็มีเสียงขัดมาจากด้านหลัง
“โซลูชั่นการเตรียมการเสร็จแล้ว ได้เวลาที่เราต้องออกเดินทางแล้ว”
หลังจากซ่อมสายบังเหียนม้าเสร็จ เซบาสเตียนตะโกนบอกจากที่นั่งคนขับ
“รับทราบค่ะ จะไปเดี้ยวนี้ ท่านแชลเทียแม้ว่าข้าอยากจะสนทนากับท่านต่อแต่คงต้องขอตัว”
แชลเทียมองไปยังด้านหลังของโซลูชั่นที่กำลังวิ่งไปยังรถม้า และกล่าวกับเซบาสเตียนที่นั่งอยู่ตรงที่นั่งคนขับ
“งั้นเซบาสเตียน ได้เวลาที่เราจะแยกกันชั่วคราวละนะ”
“เข้าใจแล้ว ท่านพบรังของพวกนี้แล้วหรือ”
“ถูกแล้ว ข้าจะไปเยี่ยมซักหน่อยเพื่อว่ามีใครที่มีข้อมูลที่จะทำให้ท่านไอซ์ยินดีได้บ้าง”
“เข้าใจแล้ว เป็นเกียรติมากที่ได้ร่วมงานกัน ท่านแชลเทีย”
“ทางนี้ก็เช่นกัน ไว้พบกันที่นาซาริคนะ”
“ครับ โปรดระวังตัวด้วย”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น