DAY 85
สำหรับวันนี้เป้าหมายหลักคือการเพิ่มประสิทธิภาพในการรวบรวมและผลผลิตของเสบียงอาหาร
ไดรยาดจังเดินทางมาช่วยในการจัดการกับเมล็ดพันธ์หลากหลายชนิดที่ผมเก็บมาจากในป่าด้วยเวทย์มนต์ของเธอ ผลจากเวทย์มนต์ของไดรแอดจังช่วยให้เมล็ดพืชนั้นเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วและรสชาติของมันก็ยอดเยี่ยมด้วย ผมเองก็ใช้สปิริตสโตนเพื่อช่วยเสริมพลังให้เวทย์ของเธอด้วย
ดังนั้นการฝึกซ้อมในวันนี้ คือการใช้แรงงานในท้องทุ่งสำหรับการสร้างฟาร์มใหม่
เนื่องด้วยสาวน้อยผมแดง เร้ดเฮ้ด มี [job-Farmer] อาชีพชาวนา ผมจึงมอบหน้าที่ในการควบคุมการจัดการและมอบหน้าที่ในการแนะนำแรงงานทั้งหลายในการดูแลของเธอ
ผมค่อนข้างมีความสุขกับเหงื่อที่ได้จากการใช้แรงงานในวันนี้ บางครั้งงานใช้แรงงานก็ไม่ได้แย่สักเท่าไหร่สินะ
ผลของการผสมทักษะวันนี้ [Synthesis]
[Slash Attack Enhancement] + [Penetrating Enhancement] = [Slash Penetrating Enhancement] เพิ่มพลังในการฟัน+เพิ่มพลังการทะลุทะลวง = เพิ่มพลังการฟันทะลุทะลวง
[Speed Thinking] + [Parallel Thinking] = [Speed Parallel Thinking] การคิดอย่างรวดเร็ว + การคิดคู่ขนาน = การคิดคู่ขนานอย่างรวดเร็ว
หลังจากการใช้แรงงานและการทดลองผสมทักษะในวันนี้ ผมนี่เหนื่อยมากๆและผลอยหลับลงไปในห้องพัก
DAY 86
ผมมีหลายสิ่งที่ผมต้องกล่าวถึงในวันนี้ ประการแรก ผมเสนอให้ใครก็ตามที่อยากแยกตัวออกจากกลุ่ม เสนอโอกาศที่จะได้รับเสบียงและสิ่งจำเป็นที่เพียงพอในการเดินทาง โดยผมจะมีมาตรการในทำให้แน่ใจว่าจะไม่มีข้อมูลรั่วไหลไป ถ้าพวกเขายังอยากจะใช้ชีวิตอย่างปลอดภัย
หลังจากมองพวกเขาจากไป ก่อนหน้านั้นผมคัดเลือกนักโทษสงคราม 36 คนปล่อยกลับบ้านไปด้วย ซึ่งทุกคนล้วนเป็นมนุษย์ที่เป็นพวกชนชั้นสูง จริงๆการขังพวกนี้เอาใว้เป็นทาสรับใช้ก็ไม่ได้ยุ่งยากต่อมโนธรรมอะไรของผมหรอกนะ แต่คิดดูแล้วในช่วงนี้กองทัพมนุษย์กำลังอยู่ในช่วงเดินทางออกจากป่ากลับบ้าน มันจึงเป็นจังหวะที่ดีที่สุดสำหรับผม ผมให้แดมมิจังทำการล้างสมองพวกนักโทษด้วยสกิล [Eyes of Bewitchment] ( ดวงตาแม่มดมหาเสน่ห์ ) ใช่แล้วล่ะผมวางแผนที่ใช้พวกมันเป็นสปายเพื่อคอยรวบรวมข้อมมูลและส่งข้อมูลกลับมาจากทั้งฝั่งอาณาจักร์ และฝั่งจักรวรรดิ์
มันไม่ใช่ว่าผมต้องการจะเป็นศัตรูกับประเทศใดประเทศหนึ่ง แต่เพราะว่าในปัจจุบันนี้ผมไม่รู้ถึงเรื่องราวของโลกภายนอกเอามากมาก รวมถึงความสัมพันธ์กับบุคคลอื่นๆก็จำกัดมากๆเช่นกัน ถึงแม้ว่าสงครามครั้งนี้เราเป็นผู้ชนะ แต่การส่งสปายไปในครั้งนี้จะเป็นหลักประกันว่าเราจะไม่พลาดพลั้งสำหรับวันข้างหน้า
หลังจากปล่อยพวกชนชั้นสูงที่ถูกล้างสมองแล้ว ผมกลับไปสังเกตการณ์การฝึกซ้อมพิเศษกับลูกน้องใต้บังคับบัญชาของผม และก็ดำเนินการฝึกฝนไปอย่างทุกครั้ง
กองทัพมนุษย์ถอยกลับไปจนเรียบร้อยในบ่ายวันนั้น หลังจากยืนยันว่าสปายของเราได้แทรกซึมเข้าไปยังกองทัพมนุษย์เรียบร้อย ผมก็ทำการติดต่อท่านพ่อเอลฟ์ผ่านอุปกรณ์สื่อสาร
ก่อนหน้านั้นผมได้รับค่าตอบแทนจากสัญญาร่วมรบครบเรียบร้อยแล้ว พวกเราได้พูดคุยกันเล็กน้อย ท่านพ่อเอลฟ์ได้ส่งคำเชิญผมให้ไปเข้าร่วม [Feast of Sotomash] งานพิธีที่จัดขึ้นเพื่อเป็นที่ระลึกแก่เพื่อนและคนในครอบครัวผู้จากไป พิธีนั้นจัดขึ้นเพื่อใหผู้ที่เสียชีวิตได้เป็นอิสระจากโลกนี้ไปอย่างหมดห่วง
เย็นวันนั้น ผมพาเอลฟ์จำนวนหนึ่งที่ตอนนี้พวกเขาได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของพรรคพวกเราแล้วเดินทางติดตามไปยังงานพิธีด้วย เนื่องจากในพิธีนั้นผู้ที่เสียชีวิตอาจจะมีญาติหรือคนรู้จักของพวกเขา อย่างน้อยการทีผมอณุญาติให้พวกเขาเดินทางไปกับผมด้วยก็เป็นการแสดงออกที่เหมาะสม ผมใช้ทักษะ [Conceal] (อำพราง) เปลี่ยนรูปลักษณ์ของพวกเขาเพื่อไม่ให้พวกเอลฟฺ์ในหมู่บ้านจดจำพวกเขาได้
(เพื่อไม่ให้มีปัญหาว่าเอลฟ์ที่เป็นลูกน้องโรวก็เป็นอดีตคนจากหมู่บ้านเอลฟ์แห่งนี้)
เมื่อผมเดินทางไปถึงหมู่บ้านเอลฟ์ พิธีการ ก็ได้เริ่มขึ้นแล้ว
ท่ามกลางอารมณ์หลากหลายของทั้งผู้ติดตามเอลฟ์และเหล่าเอลฟ์ในหมู่บ้าน ผมเดินผ่านสถานที่จัดงานและผ่านวัวทั้งตัวที่เซิร์ฟเป็นอาหารจารเนื้อนับสิบตัวอยู่บนโต๊ะ ทันใดนั่นเองท่านพ่อเอลฟ์ เดินเข้ามาทักทายผม
ผมให้สาวน้อยผมแดง เร้ดเฮ้ด คอยสอดส่องดูแลฐานของเราในช่วงที่ผมไม่อยุ่ อัศวินเกราะสนิมและอัศวินหญิงนั้นเดินทางติดตามมากับผมด้วย ดูเหมือนว่าพวกเขาต้องการที่จะแสดงความเคารพแก่ผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว
หลังจากพวกเราแสดงความเคารพทักทายกันแล้ว ผู้ติดตามของผมก็แยกย้ายกันไปในฝูงชนในงานพิธี ส่วนผมกับท่านพ่อเอลฟ์นั่งลงบนโต๊ะและเริ่มพูดคุยกันนืดๆหน่อยๆ อาหารที่เซิฟนั้นอลังการน่ากินมากผมแทบอดใจไม่ไหวที่จะกวาดให้เรียบ
ทันใดนั้นลูกสาวแสนสวยของท่านพ่อเอลฟ์เดินมารินเอลฟ์ไวน์ราคาแพงให้ผม บรรยากาศรอบๆโต๊ะเปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณอันยอดเยี่ยม
ในช่วงท้ายของพิธีการ พวกเรามายืนรวมตัวกันล้อมรอบกองไฟขนาดใหญ่ที่ถูกสร้างขึ้นอยู่กลางสถานที่จัดงาน รูปทรงของกองไฟเป็นลูกบอลสีขาว ท่านพ่อเอลฟ์อธิบายว่ามันเป็นสัญลักษณ์ของวิญญาณของผู้ที่ดับสูญและเหล่าบรรพบุรุษ และการเผามันเป็นการส่งดวงวิญญาณพวกเขาสู่สวงสวรรค์
ก่อนหน้านี้ผมเองก็เคยพูดคุยกับฮ๊อบก๊อบบลินชาแมนครั้งหนึ่ง เขาบอกว่าเมื่อคุณจัดพิธีศพเขาสามารถยืนยันได้ว่าวิญญาณที่ล่องลอยอยู่นั่นจะถูกส่งไปสู่สุขติ
มันเป็นวันที่ดีวันหนึ่ง จากเหตุการณ์ในวันนี้เหล่าเอลฟ์ที่ติดตามอยู่กับพวกผมจะได้ไม่มีอะไรต้องเสียใจอีกต่อไป
DAY 87
สำหรับตลอดเวลาที่ผ่านมาจนถึงวันนี้ เวลาเกือบทั้งหมดในการขุดเหมืองของอสุเอะจังถูกใช้ไปในการขุดหินสปิริตสโตนขนาดใหญ่ยักขึ้นมา และในตอนนี้ ผมได้รับรายงานว่าในที่สุดเธอก็ขุดมันขึ้นมาสำเร็จจนได้
สถานการณ์ในตอนนี้แร่ สปิริตสโตน ได้หมดไปจากถ้ำแล้ว โดยแต่เดิมนั้นที่แห่งนี้เต็มไปด้วยหินธาตุหลากหลายปริมาณมากอยู่ในหินเนื่องเพราะว่าอยู่ใกล้บริเวณ เวลเว็ตดันเจี้ยน ที่อัดแน่นไปด้วยพลังงานเวทย์มนต์ แต่นับจากการตายของเวลเว็ตนานมาแล้วและล่าสุดผู้ดูแลดันเจี้ยน เวทย์มนต์บริเวณเวลเว็ตดันเจี้ยนกำลังหมดพลังลง ทำให้ สปิริตสโตนไม่สามารถขุดพบได้ที่ถ้ำของเราได้อีกต่อไปแล้ว
โดยปรกติแล้ว สปิริตสโตน เป็นทรัพยากรที่จะเกิดขึ้นใหม่ได้เองเรื่อยๆ
โชคไม่ดี ตั้งแต่พวกเราได้พิชิตดันเจี้ยน หินพวกนั้นจึงไม่สามารถซึมซับพลังเวทย์มนต์อันหนาแน่นอีกต่อไป เมื่อขาดพลังวิญญาณในหิน สายพลังงานที่เคยหมุนเวียนสร้างสปิริตสโตนจึงได้ถูกทำลายไปอย่างถาวร
อย่างไรก็ตามในตอนนี้ ผลจากความพยายามของอสุเอะจัง พวกเราก็สามารถขุดสปิริตสโตนนานาชนิดขึ้นมาได้จำนวนมหาศาลแล้ว และด้วยเหตุผลดังกล่าวมาทั้งหมดนี้ผมคิดว่าเราควรจะจบการทำเหมืองแร่ของเราลงณบัดนาว
จากจำนวนแร่ทั้งหมดที่เรามีมันสามารถแปลงค่าเป็นกำไรอันมหาศาลหากเราทำการขายหรือผลิตมันเป็นอุปกรณ์-อาวุธเวทย์มนต์
หลังจากสะบัดทิ้งความคิดในขณะนั้นไปก็บรรเทาความโลภของผมลง ผมดำเนินการเขมือบหินแร่ก้อนเล็กๆจำนวนมากตลอดจนส่วนหนึ่งของแร่สปิริตโสตนก้อนยักษ์นั้นด้วย เรื่องของเรื่องก็คือผมยังไม่ได้พลังของหินแร่พวกนี้มาน่ะสิ
ปลดล๊อคทักษะ [Photon Ruler] ผู้ควบคุมโปรตรอน
ปลดล๊อคทักษะ [Light Resistant] ความต้านทานแสง
ปลดล๊อคทักษะ[Gravity Law] กฎแรงโน้มถ่วง
ปลดล๊อคทักษะ [Darkness Resistant] ความต้านทานความมืด
อ่าห์... ที่แท้ชื่อของหินขนาดใหญ่ทั้งสองอันนี้คือ " หินวิญญาณแสงแห่งความเที่ยงแท้ " และ " หินวิญญาณแห่งความมืดมิดอย่างสมบูรณ์" หินวิญญาณแต่ละก้อนนั้นช่างบริสุทธิ ทั้งขนาดและความสวยงาม ไม่สามารถเปรียบเคียงได้จากแร่ก้อนอื่นๆที่เราเคยขุดพบเจอมา
ในตอนที่ผมกินหินวิญญาณแห่งความมืดมิดอย่างสมบูรณ์ ภายในลำคอของผมรู้สึกเหมือนกับกำลังกลืนแบล็คโฮล พลังงานที่เอ่อล้นออกมาของมันสามารถพูดได้เช่นนั้นเลย ในตอนแรกผมก็ครุ่นคิดอยู่เพราะชื่อ "หินวิญญาณแห่งความมืดมิดอย่างสมบูรณ์" ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับ "แรงโน้มถ่วง" สักหน่อย ผมคิดว่า ความสามารถนั้นคงเป็นความสามารถเฉพาะของความมืด เอาใว้ผมจะทำการทดลองมันระหว่างการฝึกซ้อมในวันหน้า
หลังจากขอบคุณอสุเอะจังสำหรับความทุ่มเทในการทำงานของเธอ ผมก็กลับเข้าสู่งานปรกติของผมต่อ การเดินสำรวจการปรับที่อยู่อาศัยของพวกเรา กระบวนการปรับปรุงที่อยู่อาศัยดำเนินงานเป็นไปตามแผนด้วยดี
ผมตัดสินใจทำการเตรียมพร้อมที่จะออกเดินทางสู่โลกภายนอก ซึ่งผมได้ให้สัญญากับสาวน้อยผมแดง เร้ดเฮ้ด เอาใว้ว่าผมจะพาเธอออกเดินทางไปยังถิ่นที่อยู่อาศัยของมนุษย์ขนาดใหญ่ (เมืองของมนุษย์) สิ่งแรกที่ผมต้องการสำหรับการเดินทางคือ ม้าสำหรับลากรถ จริงๆแล้วผมสามารถใช้สัตว์เลี้ยงของผม อย่างคุมะจิโร่ (ไฮด์แบร์ที่เลื่อนขั้นแล้ว) แต่เกรงว่าผลตอบรับจากพวกมนุษย์อาจจะไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นผมว่าไม่เอาแบบนั้นดีกว่า
เอาล่ะ ถ้าหากว่าผมต้องเดินทางออกจากฐานไปเป็นเวลายาวนาน สิ่งที่ต้องเตรียมคือการผลิต แบล็คสเกลตัน เพื่อใช้ในการฝึกซ้อมจำนวนมหาศาล ทั้งยังต้องเตรียมใว้เผื่อทดแทนในกรณีพวกโครงกระดูกถูกทำลายลงด้วย
อย่างแรกก็เตรียมกระดูกที่จำเป็นมามากมาก
ขั้นที่สอง ก็ก่อสร้างรูปร่างมันขึ้นมาตามปรกติ
ขั้นที่สาม เสริมพลังและความต้านทานลงไป
ี
ขึ้นที่สี่ สร้างอาวุธและชุดเกราะให้พวกมัน (ทุกขั้นตอนใช้เวทย์ซัมม่อนเสกขึ้นมา)
หลังจากที่ทำแบบนี้ซ้ำๆกันหลายสิบรอบ มันก็ถึงเวลาตอนเย็นพอดี
หลังจากมื้อเย็นอันยอดเยี่ยม ,ข้าวหน้าเนื้อ ผมเรียกเร้ดเฮด แบล็คสมิธซัง สองสาวพี่น้อง (พี่น้องแผนกครัว) และอัลเคมิสซัง มารวมกัน ผมบอกข่าวกับพวกเธอว่าอีกไม่กี่วัน ผมมีแผนที่จะพาพวกเธอเดินทางไปยังเมืองของเหล่ามนุษย์
พวกเธอวิตกกันเล็กน้อยว่าอาจจะถูกต่อต้านจากพวกมนุษย์เนื่องด้วยรูปลักษณ์ของผม อาจจะมีพวกมนุษย์ที่จดจำผมได้จากการรบที่เพิ่งผ่านมาและสร้างความวุ่นวายให้พวกเราได้ ถึงแม่ว่าพวกเราจะคุยกันถึงเรื่องต่างๆที่อาจจะเกิดขึ้น ผมก็ยังคงแผนการที่จะออกเดินทางในไม่กี่วันข้างหน้าโดยไม่สนใจว่าอะไรจะเกิดขึ้นอยู่ดี
DAY 88
วันนี้ ภารกิจก่อสร้างบ่ำน้ำพุร้อน และ สปา สำเร็จเรียบร้อยแล้ว !
ทุกสิ่งทุกอย่างก็สงบเรียบร้อยดี สมาชิกหลายๆคนในฐานทัพเรามาช่วยกันจัดเตรียความพร้อมสำหรับการออกเดินทาง
ถึงแม้ว่าจำนวนประชากรในฐานของเราจะลดลงไปอย่างมาก ซึ่งลดลงไปเกือบครึ่งหลังจากสงครามจบลงจากพวกแรงงานทาส แต่คิดแล้วก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องกังวลนัก การปล่อยพวกเขาไปก็มีประโยชน์เหมือนกัน ลดความแตกแยก ลดจำนวนปากท้องที่ต้องกินอาหาร แถมยังได้สปายคอยสอดแนมในทั้งสองอาณาจักรใหญ่ทั้งฝั่ง เอ็มไพร์ และ คิงด้อม
ตอนนี้จบเรื่องวุ่นวายและในที่สุดทุกอย่างก็กลับมาเป็นปรกติอย่างที่มันเคยเป็น
สำหรับตอนนี้ ผมออกคำสั่งให้ฐานเราเพิ่มเสบียงอาหารสำรองเอาใว้ให้เยอะๆ
การฝึกซ้อมทั่วไปก็ยังมีอยู่ และผมก็ทำเรื่องต่างๆเล็กๆน้อยๆตรงนู้นตรงนี้บ้าง
วันนี้ ช่างเป็นวันที่ใช้ชีวิตได้พักผ่อนใช้ชีวิตอย่างสงบจริงๆ ผมไม่รังเกียจที่จะมีวันสบายๆแบบนี้บ้างสักวันหลังจากยุ่งๆมานาน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น