หน้าเว็บ

วันพฤหัสบดีที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2558

Overlord Volume 4 Chapter 5



Part 1
ฐานหลักของไอส์คือป้อมปราการที่ออร่ากำลังคุมการก่อสร้างอยู่ ที่ที่เมื่อวานนี้โคคิวตัสได้เข้ามาเยือน เสียงก่อสร้างเบาๆยังคงได้ยินอยู่จากที่ไกลออกไป
เมื่อพวกเขาเข้ามาในห้อง วิคติมที่ตามมาเงียบๆได้บอกไอส์ว่า





“ถ้ายังไง ขอผมลาตรงนี้เลยล่ะกัน”

“ขอบคุณสำหรับการทำงานอย่างแข็งขันของเจ้า ขอเจ้าโปรดป้องกันชั้นแรกของนาซาริคจนกว่าพวกเราจะกลับไป”

“รับบัญชา”

“?Portal?.”

วิคติมเข้าไปสู่ประตูอันมืดมิดที่ไอส์เสกขึ้นมา โดยมีชั้นแรกของมหาสุสานแห่งนาซาริคเป็นปลายทาง

หลังส่งผู้พิทักษ์ที่สามารถปล่อยสกิลที่จำกัดการเคลื่อนไหวอันอันตรายอย่างร้ายกาจแล้ว ไอส์จึงกลับมาสนใจสภาพในห้อง ในเวลาเดียวกันนี้เองที่เขารู้สึกได้ว่าออร่ากำลังก้มหน้าลง

เธอคงทำทุกอย่างแล้วเท่าที่จะทำได้เพื่อจะต้อนรับไอส์อย่างยิ่งใหญ่ ร่องรอยที่แสดงถึงความพยายามอย่างยิ่งยวดที่ถุกทุ่มให้กับห้องนี้สามารถเห็นได้ทั่วไปแต่ก็ยังเทียบไม่ได้กับนาซาริค ออร่าคงจะรู้สึกละอายจากสิ่งนี้

มันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร

สำหรับไอส์ที่เป็นแค่พนักงานกินเงินเดือน เขาไม่สนใจเรื่องแค่นี้ ห้องของเขาในนาซาริคไม่ได้แย่อะไรแต่มันลำบากสำหรับเขาเพราะมันหรูเกินไป จริงๆแล้วเขาสบายใจและรู้สึกผ่อนคลายเมื่ออยู่ที่นี่
ฉันอยากได้ ห้องขนาด8เสื่อ น่าจะหาสักจุดนึงเตรียมไว้ซักอัน โอ ฉันต้องชมออร่าและแสดงความพอใจต่อผลงานของเธอ

ถ้าใครไม่พูดเกี่ยวกับความเชื่อมั่น ขอบคุณ และความห่วงใยของพวกเขา คนนั้นไม่สามารถจะประสบความสำเร็จ

ไอส์จำได้ถึงคติที่เขาเห็นใส่กรอบไว้ในตู้โชว์ของCEOตอนช่วงเยี่ยมชมบริษัท เขาไม่รู้ว่าใครพูดแต่มันเป็นคติที่ยอดเยี่ยม มันเหมือนกับสิ่งที่เจ้านายในอุดมคติควรจะพูด

จงแสดงถึงความรู้สึกขอบคุณ ไม่มีใครจะทำกิจให้มันดีที่สุดหากไม่มีรางวัล.... อะไรทำนองนี้มั้ง?

“ขอโทษน่ะออร่าที่ข้ายืนยันจะใช้ที่นี้ อย่าไปสนใจรายละเอียดเลยข้ามีแต่คำชื่นชมในผลงานที่เจ้าทำไว้ หากนี้คือสิ่งที่เจ้าทำแล้วล่ะก็มันย่อมดีเทียบเท่ากับนาซาริค”

“...ค่ะ”

ดวงตาของออร่าเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย เราน่าจะปลอบเธอมากกว่านี้ถึงไอส์จะอยากทำเช่นนั้นแต่ก็ไม่มีคำที่ดีไปกว่านี้ขึ้นมาในหัว เขาเลยกลบเกลื่อนด้วยการสำรวจไปรอบๆอีกครั้ง

กลิ่นของไม้ใหม่ยังอบอวนอยู่ที่นี้

โดยทั่วไปแทนที่จะอยู่ที่นี้ที่ไม่มีการป้องกันอะไรเลย การกลับไปนาซาริคปลอดภัยกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย เมื่อปราศจากเวทย์ป้องกันแล้วมันก็เปรียบได้กับบ้านที่ทำจากกระดาษ แต่ในอีกมุมหนึ่งไอส์ก็กำลังใช้ตัวเองเป็นเหยื่อล่อเพื่อที่จะจับเอาปลาตัวใหญ่อยู่

ระยะทางระหว่างทะเลสาบและที่นี้ไกลพอดู คนที่จะไล่ตามพวกเขามาจนถึงนี้ได้-ถ้ามีตัวตนอยู่จริง-จะต้องเป็นเพลเยอร์จากอิกดราซิลหรือไม่ก็เป็นคนที่มีความสามารถระดับนั้น

นี้จึงหมายความว่าจุดประสงค์ที่สร้างที่นี้ก็เพื่อเป็นเหยื่อล่ะศัตรูที่กำลังเล็งนาซาริคให้เปิดเผยตัว

แน่นอนว่ามันอันตราย แต่ไอส์รู้สึกได้ว่าความเสี่ยงมันเป็นเรื่องจำเป็นเพื่อที่จะไปให้ถึงจุดหมาย

พวกมันยังไม่แสดงตัวออกมา เป็นไปได้ไหมว่า.....แผนนี้มันล้มเหลว? ยังไงก็ตาม ไอ้นั่นมันอะไรน่ะ?


“....ออร่า ข้าอยากจะถามอะไรเจ้าซักหน่อย สิ่งนั้นมันคืออะไร?”

สายตาของไอส์จับจ้องไปที่เก้าอี้ขาวตัวเดียวที่ตั้งอยู่ด้านในห้อง ตรงพนักพิงทำขึ้นมาอย่างสูงส่งสง่างาม มันถูกทำมาอย่างดีจนไม่เกินเลยไปเลยที่จะเรียกว่ามันเป็นงานศิลปะ ถ้าเขาจะไม่สนใจปัญหาใหญ่ปัญหาเดียว

“มันอาจจะดูธรรมดาไป แต่กระผมได้เตรียมบัลลังค์ไว้แล้ว”

ผู้ที่ตอบอย่างมั่นใจนั้นก็คือลูกน้องที่เดินตามหลังเขา---เดมิเอิก
ฉันก็คิดอย่างนั้น ไอส์กล่าวกับตัวเองในใจแล้วถามคำถามเพิ่มเติม

“-----เจ้าใช้กระดูกของอะไร?”

“กระดูกของสัตว์หลายชนิดครับ ที่ดีที่สุดเป็นส่วนที่มาจากกริฟฟินกับไวร์เวิร์น

“...อืม งั้นหรือ”

นั่นเป็นบัลลังค์ที่ทำมาจากกระดูกนับไม่ถ้วน มันไม่ได้อยู่ในรายการขนส่งยุทธภัณฑ์ที่ขอไปจากนาซาริค เช่นนั้นมันก็เป็นของที่เดมิอุเร่ทำเองข้างนอก โดยที่ไม่ว่าจะมองมุมไหนกระโหลกของมนุษย์และพวกกึ่งมนุษย์ก็ถูกใช้ด้วยแน่ๆ มันอาจจะดูขาวปลอดสะอาดไม่มีรอยเลือดหรือเศษเนื้อปนแต่มันก็ยังคงให้ความรู้สึกที่โชกเลือดอยู่ดี
มันค่อนข้างน่าขยะแขยง นั่นบนอะไรแบบนั้นก็ไม่ต่างจากนั่งบนเบาะรองที่ทำมาจากเข็ม ทำให้ไอส์ยังลังเลอยู่ แต่เมื่อลูกน้องของเขาทุ่มเทจิตใจเตรียมมันมา มันก็ยากที่จะปฏิเสธไป มันพอจะมีเหตุอะไรให้เขาเอามาอ้างโดยที่จะไม่ทำให้เสียน้ำใจได้มั่งน่า

ไอส์ดีดนิ้ว หลังจากครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้

“...แชลเทียร์ ข้าจะให้บทลงโทษจากความผิดที่เจ้าได้ทำไว้ตอนนี้ ใช่แล้ว....ข้าจะลงโทษเจ้าด้วยความอัปยศอดสู”

“ค่ะ!”
แชลเทียร์ที่จู่ๆก็ถูกเรียกตกใจเล็กน้อย

“คุกเข่าก้มหัวลงตรงนี้และวางมือไว้บนพื้นซ่ะ”

“ค่ะ!”
แชลเทีนร์เดินไปตรงจุดที่ไอส์ชี้ซึ่งอยู่ตรงกลางห้องและทำตามที่ถูกสั่งอย่างงงๆ

ไอส์เดินไปที่แชลเทียร์และนั่งบนหลังของเธอ

“....ท่า..ท่านไอส์!”
แชลเทียร์ผู้ตื่นตระหนกทำได้เพียงหายใจออกพร้อมกับพูดอย่างแผ่วเบาว่า”ท่านอ่า...สส” เธอตัวสั่นและแข็งเกร็งจากความหวาดกลัวยามเมื่อไอส์นั่งบนหลังของเธอ

“ตอนนี้เจ้าคือเก้าอี้ เข้าใจไหม?”

“ค่ะ!”

ไอส์เลื่อนสายตาจากแชลเทียร์ที่เสียงสั่นเครือไปที่เดมิอุเร่
“---ขอโทษทีเดมิอุเร่ มันก็เป็นแบบนี้ล่ะ”

“เข้าใจแล้วขอรับ!วิเศษมาก! ใช้ผู้พิทักษ์เป็นเก้าอี้! นี้เป็นเก้าอี้พิเศษสำหรับท่านผู้เป็นเจ้านายผู้สูงส่ง! สมกับเป็นท่านไอส์! ข้าไหนเลยจะคิดได้ถึงเพียงนี้!”

“งั้น ,งั้นหรือ....”
ต่อหน้าของเดมิอูเร่ที่กำลังแสดงสีหน้าที่ส่องประกายแห่งความเคารพนับถือ ไอส์เมินหน้าหนีไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงได้ยิ้มร่าซ่ะขนาดนั้น หลังจากนั้นสาวสวยผู้หนึ่งได้กล่าวกับไอส์พร้อมกับรอยยิ้มงดงามว่า

“ขออภัยค่ะท่านไอส์ ขอดิฉันหลีกตัวซักครู่นึง แล้วดิฉันจะรีบกลับมาค่ะ”

“เจ้าต้องการอะไรหรืออัลเบโด้? ข้าอนุญาติ ไปเถอะ”
หลังจากขอบคุณเขาแล้วอัลเบโด้ได้ออกไปจากห้อง ทันใดนั้น เสียงผู้หญิงกรีดร้องว่า “ฮ่าาาาาาาา”และเสียงกำแพงถูกทุบอย่างรุนแรงดังไปทั่ว และป้อมทั้งป้อมถึงกับสั่นสะเทือน

หลังจากผ่านไปซักนาที อัลเบโด้กลับเข้ามาในห้องที่ปกคลุมด้วยความเงียบพร้อมกับรอยยิ้มปรกติของเธอ
“ดิฉันกลับมาแล้วค่ะท่านไอส์ จริงซิ ออร่าจ๊ะ พอดีฉันเผลอวิ่งไปชนกำแพงตอนที่ออกจากห้อง มันดูจะบุบไปหน่อย ไว้เธอช่วยซ่อมมันทีหลังได้ไหม? ฉันขอโทษจริงๆ”

“อ่า เอิมม.... ได้ซิ ไว้เดียวฉันไปทำ”

ไอส์กลืนคำพูดที่อยากจะพูดออกไปแล้วถอนหายใจ เขาหยุดเหม่อมองไปทั่วแล้วตั้งสติมุ่งไปที่คฑาที่ปล่อยรัศมีแห่งความหวาดกลัวออกมา

คฑาประจำกิลด์ของจริงไม่ไดถูกเอามาที่นี่ด้วย อันนี้เป็นแค่ของจำลอง ตัวต้นแบบที่ทำมาเลียนแบบอาวุธประจำกิลด์เท่านั้น ทำมาจากชิ้นส่วนต่างๆที่งมหาล้วงเอามาจากกองสมบัติ มองจากภายนอกมันเป็นของโชว์ที่ดูเกือบสมบูรณ์แบบทีเดียว

กิลด์อาจจะแตกได้ถ้าอาวุธประจำกิลด์ถูกทำลายเลยจะเอาออกมาสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้ ตอนนี้มันจึงถูกมอบหมายให้ผู้พิทักษ์เขตเชอรี่ผลิบานที่ชั้น8เฝ้าดูแล

เราเตรียมมาตรการรับมือในกรณีที่แหวนของพวกเราถูกขโมยไปก็จริงแต่มันก็ยังยากที่จะหาที่...ที่จะลองทดสอบ

ตอนที่เขากำลังคิดอยู่นั้นเอง แชลเทียร์พลันขยับเขยื้อนกายไปมาปรับอิริยาบทของเธอเพื่อให้ไอส์นั่งได้สบาย นี้ทำให้ไอส์ต้องก้มมองลงไปที่หลังศรีษะของแชลเทียร์พร้อมกับความรู้สึกไม่ค่อยสบายใจอย่างมาก

เธอหายใจอย่างสั่นเครือ
มันคงหนักสำหรับเธอ ใต้ตัวไอส์คือแผ่นหลังบางๆของแชลเทียร์ที่เหมือนเด็กสาวอายุแค่14 ผู้ชายตัวโตนั่งบนหลังของเด็กสาวตัวแค่นี้ พอเริ่มรู้ได้ว่ามันลามกจกเปรตน่าอับอายและโหดร้ายเพียงใดไอส์รู้สึกว่าเขาทำเกินไปแล้ว

แชลเทียร์เป็น NPC ที่สหายของเขาสร้างขึ้นมาในอดีต แม้ตัวเปโรรอนชิโน่เองก็คงไม่ทำร้ายเธอถึงเพียงนี้ การกระทำเช่นนี้เหมือนกับการเหยียบย่ำความทรงจำที่มีต่อมิตรสหายในอดีตของเขา ช่างโง่เขลาเสียจริงที่คิดว่าสิ่งนี้เหมาะเป็นการลงโทษ

การทรมาณแชลเทียร์เช่นนี้.....ไม่สามารถให้อภัยได้

“แชลเทียร์ เจ็บหรือเปล่า?”
ไอส์วางแผนจะบอกว่า”ถ้าอย่างนั้นก็หยุดแค่นี้” แชลเทียร์กลับมองขึ้นมาด้วยใบหน้าแดงระเรื่อด้วยความปราถนา สีหน้าของเธอแสดงออกถึงความหฤหรรษ์อย่างเต็มเปี่ยม

“ไม่เจ็บปวดเลยค่ะ!! นี้เหมือนกับได้รางวัลก็ไม่ปาน”
เธอคอยหอบหายใจเอาความรุ่มร้อนที่อยู่ในกายออกมา ดวงตางุนงงนั้นสะท้อนหน้าของไอส์อยู่ภายใน ลิ้นอันเปียกชุ่มกวาดเลียริมฝีปากสะท้อนกามตัณหาอันเบาบาง บิดกายของเธอไปมาเหมือนกับงู

“....ฮือออ!”
ไอส์รู้สึกอย่างจะลุกหนีโดยพลัน
เขาเกือบที่จะถอยหนีแล้ว

ไม่ ทำไม่ได้
เขากำลังลงโทษแชลเทียร์อยู่ แต่ความผิดพลาดของแชลเทียร์เป็นความผิดของไอส์เอง นี่จึงเป็นเหตุที่ทำไมการทนไม่ยอมลุกจึงเป็นการลงโทษตัวของไอส์
ไอส์เลิกคิดถึงความรู้สึกสับสนต่างๆที่ก่อขึ้นมาในตัวเขา

เขาพยายามอย่างดีที่สุดที่จะไม่สนใจเก้าอี้ที่หอบและบิดไปมา แต่ก็ยังอดคิดไม่ได้ว่า เปโรรอนชิโน่ ทำไมตั้งค่าอะไรได้สัปดนอย่างนี้

“...เอาล่ะ คุยต่อกันถึงหัวข้อที่สำคัญเถอะ พวกเราได้ขู่จนพวกมันกลัวหรือเปล่า?”

“ดิฉันคิดว่ามันสมบูรณ์แบบค่ะท่านไอส์”

“แน่นอน แค่ดูที่หน้าพวกลิซาร์ดแมนก็รู้”

ไอส์ยิ้มอย่างโล่งใจเมื่อได้ยินสิ่งที่เหล่าผู้พิทักษ์พูด ที่จริงแล้วมันแทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะมองออกถึงการเปลี่ยนการแสดงสีหน้าของพวกลิซาร์ดแมน มันอาจจะใกล้เคียงกับมนุษย์มากกว่าสัตว์เลื้อยคลานแต่สีหน้าของพวกมันต่างจากมนุษย์อย่างสิ้นเชิง
“งั้นหรือ ถ้าอย่างนั้นแผนขั้นแรกโดยการขู่พวกมันด้วยกำลังเป็นอันสำเร็จ”
ไอส์หายใจออกอย่างโล่งอก

เขาถึงขั้นที่ใช้เวทย์มนต์ระดับสุดยอด “การสร้างสรรค์” (the creation) ที่สามารถใช้ได้แค่4ครั้งต่อวัน ถ้ามันยังไม่ได้ผลอย่างอื่นก็คงไม่ได้ผล

“เดมิอุเร่ ใช้เวลานานแค่ไหนถึงจะรู้ว่าบริเวณที่แข็งตัวกว้างขนาดไหน”

“เราได้เริ่มลงมือแล้วแต่ทำได้ช้าเพราะบริเวณกว้างใหญ่กว่าที่คาดการณ์ ขอได้โปรดให้เวลาพวกเราอีกหน่อย”

ไอส์หยุดเดมิอุเร่ที่กำลังจะคุกเข่า เขาปิดปากของเขาด้วยนิ้วมืออันเป็นกระดูกแล้วครุ่นคิด บริเวณที่ถูกกระทบจากเวทย์มนต์ใหญ่กว่าที่คาดก็ถือได้ว่าเป็นความสำเร็จในแง่ของการทดลองด้านเวทย์มนต์อยู่

“การสร้างสรรค์” เวทย์ระดับพิเศษที่สามารถเปลี่ยนสภาพภูมิประเทศได้เลยทีเดียว ในอิกดราซิล มันถูกใช้เพื่อป้องกันความร้อนจากภูเขาไปหรือความเย็นจากดินแดนเยือกแข็ง

มันเป็นไปได้อยู่ที่จะแสดงขุมกำลังโดยไม่ต้องใช้เวทย์ระดับพิเศษ

แม้ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับการจัดขบวนทัพนี้ ไอส์อยากจะลองทดลองมาตลอดเพื่อที่จะพิสูจน์รัศมีบริเวณที่ไดรับผลกระทบ “การสร้างสรรค์”เป็นเวทย์ที่มีรัศมีกว้างอย่างน่ามหัศจรรย์และสามารถครอบคลุมชั้น8ทั้งชั้นตอนที่ไอส์ทดลองในนาซาริค แต่มันยังไม่แน่ชัดว่าจะมีผลอย่างไรเมื่อเอามาใช้ข้างนอก

ในอิกดราซิล ผลของคาถาสามารถครอบคลุมทั้ง “บริเวณ” แต่ว่าในโลกนี้”บริเวณ”มันใหญ่แค่ไหน? ไอส์อยากจะรู้ ถ้ามันครอบคลุมทั่วพื้นที่ราบทั้งหมด นั่นก็ใหญ่เกินไป

ในแง่เดียวกันเช่แข็งทะเลสาบทั้งหมดก็ดูจะเกินไปหน่อย เวลาจะใช้เวทย์ระดับพิเศษต้องระมัดระวัง

“ออร่า เครือข่ายการป้องกันของพวกเราเป็นอย่างไรบ้าง”

“ค่ะ! เราได้วางกำลังพวกอันเดดที่ท่านไอส์จัดมาให้เพื่อคอยป้องกันอาณาเขตรัศมี2กิโลเมตร แต่ก็ยังไม่มีสัญญาณถึงอะไรที่น่าสนใจเป็นพิเศษเข้ามา ฉันยังได้ส่งพวกสัตว์ประหลาดที่เชียวชาญในการสำรวจไปตรวจตราบริเวณ4กิโลเมตรโดยรอบด้วยแต่เรายังไม่เจออะไรน่าสงสัยเลย”

“เข้าใจล่ะ....ศัตรูอาจจะคอยซ่อนตัวจากการตรวจจับในเวลาที่พวกมันเข้ามาใกล้ๆ มีมาตรการป้องกันจากเหตุแบบนั้นไหม?”

“ไม่มีปัญหา ด้วยการร่วมมือของแชลเทียร์เราได้ส่งพวกอันเดดที่ช่ำชองในการลาดตระเวนออกไป”

“เยี่ยม”
ออร่ายิ้มอย่างดีใจหลังจากไอส์ชมเธอ สีหน้าเศร้าหมองของเธอได้จางหายไปอย่างไร้ร่องรอย

เราเปิดเผยตัวกันถึงขนาดนี้ ทำไมไอ้พวกที่ใช้เวิล์ดคลาสไอเทมกับแชลเทียร์ยังไม่เคลื่อนไหวอีกน่ะ?”

ท่ามกลางสายตาของทุกคนที่จับจ้องมาไอส์ถามอีกครั้งแต่ไม่ได้เจาะจงถามใครโดยเฉพาะ

“ทำไมพวกมันไม่มาสำรวจตรวจตราที่นาซาริคและที่นี้?”

“สามารถเป็นไปได้ไหมว่าพวกมันกำลังสำรวจพวกเราอยู่โดยอาศัยเวล์ดคลาสไอเทมที่ไม่สามารถตรวจสอบได้ด้วยวิธีปรกติ?”

ไอส์เอียงคอตอบสนองคำถามย้อนที่เดมิอุเร่ถามกลับมา
“...ข้าก็คิดถึงความเป็นไปได้นั้น นั่นคือเหตุว่าทำไมข้าถึงใช้ มอมอน.... ถ้าพวกมันใช้เวิล์ดคลาสไอเทมเพื่อสอดแนมพวกเราจริง พวกมันจะไม่สามารถแอบสอดแนมมอมอนที่มีเวิล์ดคลาสไอเทมเหมือนกันได้ เพราะเหตุนั้นข้าเลยสันนิษฐานไว้ว่าพวกมันจะใช้วิธีเชิงกายภาพอย่างการใช้หน่วยสำรวจมาคอยดูพวกเรา...พวกมันอาจใช้เวทย์สำหรับการสำรวจด้วยแต่มันก็น่าจะเป็นวิธีแบบที่นิยมใช้กันทั่วไป....”

ไอส์สังเกตเห็นว่าพวกเหล่าผู้พิทักษ์ค่อนข้างงุนงงซึ่งหมายความได้ว่าคำอธิบายของเขานั้นไม่ชัดเจนพอ

“คือ...จะว่าอย่างไรดีล่ะ...ในอดีต พวกเราเคยครองเหมืองที่สามารถขุดเอาแร่หายากได้ ตอนที่พวกเรากำลังผูกขาดสินค้าอยู่นั้นราคาตลาดเลยพุ่งสูงขึ้นจนผู้คนวางแผนปล้นมันไปจากพวกเรา ไอเทมที่ใช้ตอนนั้นคือ โอโรโบรอส มันเป็น 1 ในเวิล์ดคลาสไอเทมชั้นยอดที่รู้จักกันในนาม 20“

ไอส์หรี่สายตาลง
ตอนที่ถูกปล้นไปเขาโกรธจัดแทบบ้าแต่พอมองย้อนกลับไปมันเป็นส่วนหนึ่งแห่งความทรงจำที่ดี ถึงพวกเขาจะถูกฆ่าล้างบางและเสียไอเทมหายากจำนวนมากไปก็ตาม

“สารเลว!พวกมันกล้าแย่งชิงอาณาเขตที่ถูกปกครองโดยเหล่าท่านผู้สูงสุด?! ให้อภัยไม่ได้! โปรดออกคำสั่งให้พวกเราไปโจมตีกลับด้วยค่ะ!”
ได้ยินเสียงอันโกรธเกรี้ยวของอัลเบโด้ทำให้ไอส์ต้องหันไปมอง

เขาสามารถเห็นได้ถึงการแสดงออกอย่างรุนแรงและจิตสังหารที่เหล่าผู้พิทักษ์ปลดปล่อยออกมา แม้แต่เดมิผู้สุขุมยังแสดงรอยยิ้มชั่วร้าย ไม่แค่นั้นแม้แต่มาเร่ที่มีท่าทีสงบเสงี่ยมยังไม่สามารถปิดความปราถนาจะฆ่าฟันได้ ไอส์ไม่สามารถเห็นหน้าของแชลเทียร์เพราะเธอกำลังทำหน้าที่เก้าอี้อยู่แต่อาการเกร็งตัวจากร่างเธอ ไอส์รับรู้ความมุ่งมั่นของเธอได้จากทางบั้นท้ายของเขา

“พอแล้ว! มันเป็นเรื่องในอดีตไปแล้ว”
ไอส์ยกมือขึ้นเพื่อห้ามปรามเหล่าผู้พิทักษ์ พวกเขาดูเงียบลงบ้างแต่ยังคงไม่สงบดี ก็เหมือนกับแม็กม่าที่กำลังไหลเวียนอยู่ใต้พื้นผิวดิน เพื่อจะเปลี่ยนหัวข้อไอส์เลยพูดต่อไปจากที่ค้างอยู่
“ศัตรูใช้ โอโรโบรอส เพื่อหยุดเราจากการเข้าไปในโลกที่เหมืองตั้งอยู่ พวกมันคงอาศัยโอกาศนี้เข้าไปสืบค้นบริเวณใกล้เคียงและยึดเหมืองไป แม้พอผนึกคลายลง พวกเราได้เข้าไปแต่ก็เพียงเพื่อจะพบว่าเหมืองโดนยึดไปแล้ว”

ในตอนที่รีบร้อนหุนหันจะเอาเหมืองคืน สมาชิกกิลด์ราวๆครึ่งนึงตายอย่างน้อยคนละครั้ง ไอส์หยุดไว้แล้วไม่พูดออกไป

“ข้าเข้าประเด็นเลยน่ะ ข้าได้บอกไว้ว่าพวกเราถูกปฏิเสธการเข้าไปในโลกนั้นแต่คนที่มีเวิล์ดคลาสไอเทมยังสามารถเข้าไปโลกนั้นได้ เพราะฉะนั้นมันเป็นไปไม่ได้ที่พวกมันจะแอบสอดแนมพวกเราแม้จะมีเวิล์ดคลาสไอเทมที่แข็งแกร่งที่สุดก็ตาม”

ในขณะที่ไอส์ได้ยินเสียงแสดงอาการรับรู้เข้าใจจากเหล่าลูกน้อง เขายังคงความสงสัยอยู่ว่านี้เป็นเรื่องจริงหรือไม่
ความเป็นไปได้นั้นสูงอยู่ แต่มันไม่มีหลักฐานมาพิสูจน์ว่าเป็นเรื่องจริง

ตอนที่ใช้ “ความขัดแย้งแห่งธาตุทั้ง5” ซึ่งก็เป็น1ใน20 เหมือนกับโอโรโบรอส บริษัทเกมส่งข้อความถึงเจ้าของเวิล์ดคลาสไอเทม ซึ่งนอกจากคำขอโทษแล้วยังส่งไอเทมมาเป็นค่าชดเชยให้ด้วย เนื้อความของคำขอโทษคือ “ผู้ถือเวิล์ดคลาสไอเทม โดยสิทธิ์แล้ว คุณควรจะถูกยกเว้นจากการเปลี่ยนแปลงใดๆที่เกิดกับโลก แต่มันยากมากที่จะคอยดูแลข้อมูลขอลคุณตอนที่เรากำลังอัพเดทเซิฟเวอร์ ฉะนั้นเราเลยไม่มีทางเลือกนอกจากปฏิบัติกับกรณีนี้เป็นการพิเศษในตอนที่เราทำการอัพเดทเซิฟเวอร์”

และด้วยเหตุนั้น มันเลยเป็นไปไม่ได้ที่จะป้องกันจากเหตุการณ์นั้น แต่เหตุการณ์นั้นควรจะถือเป็นกรณีพิเศษไม่ใช่เรื่องปรกติ

โดยเฉพาะเวิล์ดคลาสไอเทมที่สามารถป้องกันพวกเวทย์สำหรับสอดแนมข้อมูล มันคงไม่มีประโยชน์อะไรถ้ามันไม่สามารถปกป้องนาซาริคจากเวิล์ดคลาสไอเทมอันอื่นได้

“และนั้นคือเหตุว่าทำไมข้าถึงคิดว่าศัตรูจะเข้าหาโมมอน... แต่พวกที่เข้าหากลับเป็นแม่ที่อุ้มทารกแรกเกิดกับพวกนักผจญภัย”
พวกแม่ๆขอให้โมมอนลูบหัวเด็กเพื่ออวยพรให้พวกเขาสุขภาพดีและแข็งแรง พวกนักผจญภัยขอจับมือและก็หวังว่าจะได้แข็งแกร่งขึ้น แต่ไม่มีใครอยากจะสนทนากับเขาเป็นการส่วนตัวเลย

เป็นเหตุให้คราวนี้ไอส์แสดงตัวพร้อมกับการป้องกันที่เบาบาง รอคอยศัตรูให้เคลื่อนไหวก่อน
การไม่ติดเวิล์ดคลาสไอเทมให้โคไซตัสก็เป็นแผนส่วนนึง ไอส์วางแผนจะใช้เขาเป็นเหยื่อล่อศัตรูออกมา มันค่อนข้างน่ากลัวที่ศัตรูเป็นใครก็ไม่รู้ และพวกเขาจะสามารถเตรียมหาแผนรับมือที่เหมาะสมได้เมื่อหลังจากสืบจนแน่ใจแล้วว่าศัตรูเป็นใคร
.
“เกี่ยวกับเรื่องนี้....ขอดิฉันแสดงความเห็นอันอ่อนด้อยได้ไหมค่ะ?”
“อะไรหรือ อัลเบโด้?”
“ค่ะ ตามที่ท่านไอส์อธิบายมาแผนคือการล่อศัตรูออกมา เป็นไปได้ไหมว่าศัตรูเองกะอักกะอ่วนในการเข้าหาพวกเราเพราะพวกมันเองก็กำลังแอบปฏิบัติการอยู่ในเงามืดเหมือนกับพวกเรา?”

....อ่าห์
“ไม่..มีปัญหาอัลเบโด้ ข้าได้คิดถึงความเป็นไปได้นั้นไว้แล้ว”
เขาไม่ได้คิดไอส์เดาเอาว่าศัตรูคิดเหมือนกันกับเขา โดยคอยพยายามรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับตัวเขา
....นี่มันผิดมหันต์ นี่เราคิดผิดมาตั้งแต่ต้นเลยหรือ?

“ขออภัยค่ะ อีกอย่าง....”
โธ่คุณอัลเบโด้ โปรดหยุดทีเถอะ------- ไอส์ร้องอยู่ในใจ เขารู้สึกเหมือนนักเรียนที่มาทบทวนคำถามหลังสอบแล้วรู้ตัวว่าคำตอบของเขามันผิดหมดเลย
“เกี่ยวกับข่าวลือที่ปล่อยไปว่าแชลเทียร์โดนกำจัดด้วยไอเทม....”

“ใช่ นั่นเป็นสิ่งที่ข้ารายงานไปที่กิลด์ เพื่อจะกันไม่ให้คนกลัวโมมอนในกรณีที่เขาดูจะทรงพลังเกินไป คริสตัลผนึกเวทย์ดูเหมือนจะเป็นของหายากที่นี้ มันคงยากที่จะมีการลองทำลายคริสตัลเพื่อทดสอบ การปลดปล่อยใช้พลังของคริสตัลเพื่อกำจัดแชลเทียร์มันดูจะน่าเชื่อกว่า และคนก็จะได้ไม่ป้องกันอะไรมากกับโมมอน”

“ท่านกล่าวได้ถูกต้องแล้ว สำหรับพวกคนทีคิดว่าคริสตัลผนึกเวทย์เป็นของล้ำค่า นี่ไม่ใช่วิธีที่ผิด”
การพูดอ้อมๆของอัลเบโด้ทำให้ไอส์ไม่ค่อยสบายใจ
“...แต่ถ้าอีกฝ่ายมีคริสตัลมากมายเหมือนท่านไอส์ อย่างนั้นสถานการณ์จะไม่เปลี่ยนไปเหรอค่ะ?”

“...ฮืม? อ่า เจ้าหมายความอย่างนี้นี่เอง”
ไอส์แสดงออกเหมือนกับเข้าใจแจ่มแจ้งแต่ไม่เข้าใจอะไรเลยซักนิด
ก็แล้วถ้าอีกฝ่ายมีคริสตัลอยู่มากแล้วยังไง? ข้อเท็จจริงมันก็มีอยู่ว่าคริสตัลผนึกเวทย์มีค่ามากในโลกนี้ หรือว่าอัลเบโด้กำลังกังวลว่าคริสตัลจะถูกทำลายลงระหว่างทดลอง?
แต่ทั้งหมดนั่นก็ดูจะไม่ใช่
ลางร้ายแวบขึ้นมาในใจของไอส์ เขาอยากให้อัลเบโด้อธิบายเพิ่มเติม วึ่งทำให้เขาเกลียดตัวเองที่ทำตัวคุยโวไปเมื่อครู่
มันจะดีหรือที่เราจะเป็นผู้ครอบครองและกำหนดนโยบายต่างๆของนาซาริค? นี่เรากำลังบังคับเรือไปชนภูเขาโดยไม่รู้อะไรเลยงั้นหรือ?
ไอส์อยากจะวิ่งหนี
เขาไม่สามารถแบกรับภาระของผู้นำ ความรู้สึกนี้ที่เขาประสบมาหลายครั้ง –ภาระที่หนักขึ้นเมื่อต้องเผชิญกับความผิดพลาด— ไอส์เฝ้าบ่นอยู่ภายในใจ
แต่เขาไม่สามารถทำอย่างนั้นได้ เมื่อเขาเอาชื่อ ไอส์โอวกูว มาใช้เขาไม่สามารถละทิ้งเหล่าNPC และทรัพย์สมบัติในหมาสุสานแห่งนาซาริค ที่สหายของเขาสร้างเอาไว้ได้ ที่สำคัญกว่านั้นเขาไม่อยากเป็นผู้ปกครองที่ละทิ้งบุตรหลานของตัวเอง

ทั้งที่ฉันเองก็กลัวว่าพวกเธอจะทรยศทอดทิ้งหรือหมดอาลัยในตัวฉันไหม ยังไงก็ตามฉันจะทำหน้าที่ของไอส์โอวกูล ที่สมกับความคาดหวังของพวกเธอและคู่ควรแก่ความเชื่อมั่นของพวกเธอ
ด้วยเหตุนั้น ไอส์จึงแสดงออกอย่างสบายๆแบบที่เขาฝึกหน้ากระจกและพูดในท่าที่เต็มไปด้วยความมั่นใจของผู้เป็นเจ้าเหนือหัว

“ไม่มีปัญหา ข้าเข้าใจว่าทำไมเจ้าถึงกังวล
ไอส์มองไปรอบๆเขา

“อัลเบโด้....จงบอกเล่าความกังวลของเจ้ากับเหล่าผู้พิทักษ์คนอื่นซ่ะ”

“อา..ได้ค่ะ! ถ้าศัตรูมีคริสตัลอยู่มากเหมือนท่านไอส์...บางคนที่พอจะรู้เกี่ยวกับคริสตัล พวกเขาจะบอกได้ว่าข้อมูลเป็นเท็จ พวกเขาจะมั่นใจว่าแชลเทียร์ไม่ได้แพ้เพราะคริสตัล ถึงพวกมันจะไม่รู้ว่าแชลเทียร์สมบูรณ์พร้อมหรือเปล่า ผู้ใช้เวิล์ดคลาสไอเทมก็จะสันนิษฐานไว้ว่าโมมอนที่จู่ก็ปรากฏตัวที่ อีรันเทลเป็นคนที่อันตรายใช่ไหมค่ะ? พวกมันอาจจะสงสัยว่าแชลเทียร์อาจเกี่ยวข้องอะไรกับโมมอน....”

“....อัลเบโด้และเหล่าผู้พิทักษ์ พวกเจ้าคิดว่าศัตรูจะทำอย่างไรต่อไป?”

“ขออภัย กระผมคิดว่าถ้าศัตรูอยากจะต่อกรกับท่านไอส์ พวกมันจะปล่อยข่าวลือว่าโมมอนร่วมมือกับแวมไพร์ถึงจะไม่มีหลักฐานก็เถอะ พวกมันคงจะไม่อยากให้โมมอนมีชื่อเสียงไปกว่านี้”

อูยยยย---ไอส์แอบครางในใจ
เป้าหมายอย่างนึงของการไป อีรันเทล คือรวบรวมข้อมูล แต่เป้าหมายหลักคือสร้างชื่อให้กับตัวตนที่ชื่อโมมอน---และเป้าเล็กๆอย่างนึงคืออยากจะหนีออกไป
เป้าหมายดั้งเดิมคือคอยสร้างวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ให้เกิดขึ้นแล้วเปิดเผยตัวตนแท้จริงของโมมอน เลี่ยนชื่อเสียงนั้นให้เป็นของไอส์โอวกูล กระจายชื่อนี้ไปทั่วโลก
เขายังต้องการแสดงให้เห็นว่า กิลด์PK ก็เปลี่ยนแปลงได้ในโลกนี้ เขาเลยทำเรื่องดีดีโดยอาศัยชื่อของโมมอน แต่แผนเหล่านี้ดูจะหมดความหมายแล้ว

“ฮืมม? เดมิ ขอถามหน่อยซี มันจะมีผลรุนแรงกว่านี้ไหมถ้าข่าวลือถูกปล่อยหลังจากโมมอนดังไปทั่วแล้ว?”

“ออร่า นั่นไม่ใช่หมากที่ดีนัก ถ้าท่านไอส์มีชื่อได้ระดับนึงแล้ว มวลชนก็จะคิดว่าข่าวอย่างนั้นเป้นแค่ข่าวลือป้ายสี พวกมันควรจะขุดรากถอนโคนก่อนที่ชื่อเสียงของเขาจะแพร่ขยาย”

“มองได้เฉียบขาดมาก เดมิ”
ไอส์ผงกศรีษะแสดงอาการตอบสนองต่อเดมิอุเร่ที่กำลังก้มศรีษะลง ทำเหมือนกับว่าตนก็คิดแบบเดียวกัน
“ข้าจะถามเพิ่มซักหน่อย ถ้าเป็นเช่นนั้นทำไมพวกศัตรูถึงยังไม่แพร่ข่าวลือ?”

หลังจากได้ยินคำถามของไอส์ เดมิอุเร่ยกเลยนิ้วขึ้นมา1นิ้ว
“ข้อแรก พวกมันยังตรวจสอบท่านโมมอนไม่สำเร็จสมบูรณ์ ถ้าท่านโมมอนชนะแชลเทียร์โดยการสู้กันตรงๆ พวกมันย่อมไม่อยากทำให้ท่านโมมอนโกรธ พวกมันอาจจะต้องการชักชวนท่านโมมอนมาเป็นพวกด้วยซ้ำ ข้อสอง-----“

เขายกนิ้วขึ้นอีกนิ้ว
“แล้วถ้าการเจอกับแชลเทียร์เป็นแค่เรื่องบังเอิญล่ะ? พวกมันอาจจะแค่ผ่านไปแถวนั้นโดยมีจุดประสงค์อื่นในใจ เป็นแค่พวกอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องอะไรเลย”

“นั่นเป็นไปไม่ได้ เดมิอุเร่ ความเป็นไปได้ต่ำมาก....”
ไอส์พูดไปอย่างนั้น แต่ที่จริงเขาเพิ่งรู้ตัวว่าสถานการณ์เช่นนั้นไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้

เขาปักใจเชื่อว่าการโจมตีนั้มุ่งเป้าไปที่แชลเทียร์หรือคนของนาซาริค แต่แชลเทียร์ถูกโจมตีไม่นานหลังจากเทเลพอร์ต ถ้าการโจมตีเล็งไปทีแชลเทียร์จริงพวกมันก็แม่นยำจนน่าพิลึก
นี่ตัวเขาหลงมืดบอดไปเพราะกลัวศัตรูที่มองไม่เห็นงั้นหรือ?
ไอส์หยีตาลง----จะว่าไปเรียกว่าแสงแดงๆในเบ้าตาจะดีกว่า
สุดท้ายแล้ว ปัญหาก็อยู่ที่ข่าวกรองที่ไม่เพียงพอและขาดแคลนคนทำงาน พวกเขาต้องมีกำลังมากกว่านี้
ยังไงก็ตามปัญหาใหญ่สุดคือโครงข่ายงานข่าวกรองของพวกเรายังเล็กเกินไป

เซบาสถูกมอบหมายหน้าที่นั้นเหมือนกัน แต่ข้อมูลที่รวบรวมได้โดยคนแค่หยิบมือมีได้จำกัด ในตอนแรกเขาคิดว่าแค่ได้ข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับโลกนี้ก็พอแต่ในสถานการณ์ปัจจุบันมันไม่เพียงพอ
ข้อมูลข่าวสารที่ได้จากพวกนักผจญภัยและพ่อบ้านของพวกพ่อค้ามีความสำคัญและคุณภาพน้อยไปกว่าของพวกเจ้าหน้าที่ราชการระดับสูง
ไอส์ไม่สามารถนึกถึงใครที่สามารถวิเคราะห์ข้อมูลที่รวบรวมมาจากหลายภาคส่วนแล้วตัดสินว่าอันไหนสำคัญได้

“เอาเถอะ ปัญหาหลักก็คือข้อมูลไม่พอ เราต้องคอยกังวลพวกศัตรูที่เรามองไม่เห็นทำให้ยากที่เราจะเคลื่อนไหว....”
หลังจากรับฟังคำบ่นของไอส์ เดมิอุเร่ยิ้มเหมือนกับมีแผนดีๆ
“ถ้าอย่างนั้น ร่วมมือกับบางประเทศจะดีไหมครับ?”

หลังจากเงียบกันไปชั่วครู่ อัลเบโด้พูดว่า “โอ” เพื่อแสดงว่าเธอเข้าใจ ซักพักไอส์ก็ทำเสียงแบบเดียวกัน
“ข้าเข้าใจแล้วเดมิอุเร่ เจ้าหมายความอย่างนั้นซิน่ะ”

แต่ผู้พิทักษ์อีกสามตน ยังคงสั่นหัวอย่างงงงวยกันอยู่ ออร่ายอมรับว่าเธอสงสัยอย่างตรงไปตรงมา
“ท่านไอส์ มันหมายความว่ายังไง?”
เจอกับคำถามของออร่า ไอส์รู้สึกโล่งใจที่เขาไม่สามารถแสดงสีหน้าได้
“เออ เอิม... มาเร่ แชลเทียร์ พวกเจ้าเข้าใจเรื่องที่เดมิอุเร่กำลังพูดอยู่ไหม”

ทั้ง2สั่นศรีษะ
“งั้นหรือ ช่วยไม่ได้ เดมิเจ้าจงอธิบายซ่ะ”

“รับบัญชา ทุกท่าน ท่านไอส์กังวลเกี่ยวกับเจ้าศัตรูที่เรามองไม่เห็นนี้ ข้าคิดว่าถ้าเราต้องเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่งนี่และทั้งสองฝ่ายต่างก็แสดงท่าทีเป็นศัตรูเปิดเผยอย่างนี้ พวกเราต้องมีจุดเจรจาสำคัญที่สามารถใช้แก้ปัญหาเราได้ไว้ในกรณีที่ต้องเจรจา”

อาจารย์ หนูไม่เข้าใจ นักเรียนสามคนกับผู้ใหญ่หนึ่งคนดูจะมีคำเหล่านี้ปรากฏออกมาทางสีหน้า คุณครูเดมิเหมือนจะรู้ตัวอยู่ว่าคำอธบิยของเขาคลุมเครือไป จึงเริ่มต่อโดยปรับให้เข้ากับมาตรฐานของพวกนักเรียน

“เจ้าจะทำยังไงถ้าท่านไอส์ถูกควบคุมโดยผู้ใช้เวิล์ดคลาสไอเทม?”

“ฉันจะหั่นมันเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยเลย”

“...ข้าไม่ได้หมายความแบบนั้นออร่า เจ้าไม่คิดหรือว่าการถูกควบคุมเป็นจุดเจรจาสำคัญได้? ว่าไปแล้ว มันมีพวกที่สามารถควบคุมคู่ต่อสู้ด้วยเวิล์ดคลาสไอเทมได้ ฉะนั้นความเป็นไปได้ที่ท่านไอส์จะถูกควบคุมก็ไม่เป็นศูนย์ซ่ะทีเดียว”

ครูผู้ช่วยอัลเบโด้ได้เสริมคำอธิบายของคุณครูเดมิอูเร่
“เขาหมายความว่าหลังจากแสร้งทำเป็นอยู่ใต้ร่มธงของประเทศนึงแล้ว นาซาริคสามารถใช้เรื่องนี้เป็นคำขอโทษในการกระทำที่เราจะทำต่อไปในอนาคตได้ เราสามารถบอกว่าเราทำไปภายใต้คำสั่งของประเทศนั้นและเราไม่มีทางเลือก ถ้าศัตรูที่แข็งแกร่งมีอยู่จริงเราก็โบ้ยความรับผิดชอบไปให้ประเทศนั้น ใช่ไหมค่ะ? ถ้าศัตรูไม่อยากเผชิญหน้ากับเราตรงๆพวกมันจะทำดีที่สุดที่จะปรองดองกับเรา”

“เข้าใจล่ะ....ถ้ามันมีคนที่ไม่พอใจพวกเขา เราสามารถใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้างดึงเอาฝ่ายที่เข้ามาเกี่ยวข้องเข้ามาเป็นพวกได้......เป็นแผนแบบนี้ซิน่ะ สมกับเป็นท่านไอส์จริงๆ...”

เหมือนกับพวกหัวหน้าขององค์กรชั่วร้ายที่ลูบหัวแมวที่นอนอยู่บนตัก ไอส์ลูบหัวของแชลเทียร์ที่กำลังทำตัวเป็นเก้าอี้พร้อมบอกว่า “ไม่ใช่ข้าหรอก”
“คนที่คิดแผนนี้ไม่ใช่ข้าแต่เป็นเดมิ เขาควรจะเป็นคนที่ได้รับคำชมนี้”

“มิกล้า ท่านชมเชยกระผมมากไปขอรับ ท่านไอส์ก็คงเห็นข้อสรุปเดียวกับกระผมก่อนกระผมซ่ะอีก”

“อ่า ใช่แล้ว ข้าก็ยังขอโทษอยู่ดีที่เหมือนจะเอาความดีความชอบของเจ้าไป นอกจากนั้นยังเป็นงานง่ายขึ้นสำหรับการที่พวกเราจะหาข้อมูล”

ประเทศต้องมีเครือข่ายข้อมูลข่าวกรองพร้อมอยู่แล้ว ซึ่งจะช่วยงานข่าวของนาซาริครุดหน้าอย่างก้าวกระโดดเพียงแค่ส่งสมุนของนาซาริคแฝงเข้าไป

หลังจากรู้ว่าคำแนะนำของเขาเป็นประโยชน์ต่อไอส์และวิธีที่ไอส์พูดเหมือนยืนยันความเห็นของผู้พิทักษ์ที่ยอดเยี่ยมทั้งสองทำให้เดมิถึงกับยิ้ม

“เป็นดังคำที่ท่านกล่าวมา”
ไอส์รู้ว่าเดมิได้พูดเป็นนัยว่าไอส์รู้มาตั้งแต่ต้นแล้ว

“อ่า สมกับเป็นท่านไอส์ที่คิดได้อย่างรอบคอบครบถ้วนเพียงนี้....อืม...พวกสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำอย่างมนุษย์ก็ใช้ประโยชน์ได้เหมือนกัน”
หลังจากที่อัลเบโด้ได้ให้ความเห็น เหล่าผู้พิทักษ์ตนอื่น รวมถึงแชลเทียร์ที่ถูกสั่งให้เป็นเก้าอี้อยู่ ส่งสายตาอาบร่างไอส์ด้วยแววตาแห่งความชื่นชม
มันทำให้ไอส์ไม่ค่อยสบายใจแต่เขาก็แอบโล่งอกที่รู้ว่าไม่ได้เข้าใจผิดไปเพราะทั้งสองเห็นด้วยกับเขา

“ดีล่ะ...มาเลือกประเทศกันเถอะ”

“ถ้าเราพิจารณาประเทศต่างๆในแถบนี้ ก็คงเป็น ราชอาณาจักร จักรวรรดิแล้วก็ศาสนจักร”

“ละ..แล้วประเทศที่่อยู่ไกลออกไปล่ะ? อย่างสาธารณรัฐกับอาณาจักรศักดิ์สิทธิ”

“ข้ามีความเห็นว่าไม่ควรเลือกประเทศที่อยู่ไกลออกไป และข้าไม่อยากจะเจอกับศาสนจักรก่อนที่จะมีข้อมูลเพียงพอ ก็จะเหลือแค่ราชอาณาจักรและจักรวรรดิ... และจากข่าวที่ได้จากเซบาส ข้าว่าราชอาณาจักรไม่ค่อยน่าดึงดูดเท่าไหร่ แต่...เราคงต้องค้นต่อไป” (ผมคิดว่าไอส์พูดน่ะ)
ไอส์ยืดมือไปที่กระจกหลังจากที่พูดว่า “ส่วนตอนนี้”
“พวกเราให้เวลาพวกลิซาร์ดแมนซักพักแล้ว มาดูกันซิว่าจะมีอะไรเกินคาดเกินขึ้นไหม”

มุมมองจากฟากฟ้าของหมู่บ้านพวกลิซาร์ดแมนปรากฏบนกระจกส่องระยะไกลซึ่งมีจุดเล็กๆขยับไปมา”
ไอส์ยื่นไปที่และออกท่าทางเพื่อเปลี่ยนวิวในหน้าจอ

แน่นอนว่าอย่างแรกสุดคือซูมเข้าไปใกล้ๆ
ภาพที่เหล่าลิซาร์ดแมนเตรียมตัวแข็งขันเพื่อออกรบถูกแสดงให้เห็นอย่างสมบูรณ์

“ความพยายามอันไร้ประโยชน์”
เดมิพึมพำเกี่ยวกับพวกลิซาร์ดแมนอย่างสุภาพ

ไหนดูหน่อยซิ พวกมันอยู่ไหน มันยากจริงๆที่จะแยกแยะพวกลิซาร์ดแมน
ไอส์หน้านิ่วคิ้วขมวดมองหาพวกลิซาร์ดแมน6ตนที่เขาเห็นจากบันทึก

ฮืมมม---เจอที่ใส่เกราะแล้ว นั่นที่ขว้างหินใช่ไหมหว่า? ต่อไป เจ้าตัวที่ใช้ดาบขนาดใหญ่อยู่นี่เอง จุดต่างมันเล็กชะมัด มันง่ายกว่าถ้าจะหาตัวที่มีสีหรือมีอุปกรณ์สะดุดตา...เจอเจ้าตัวที่มีแขนโดดเด่นแล้ว

หลังจากได้สำรวจพวกนั้น ไอส์ยังเลื่อนรูปบนกระจกไปเรื่อยๆ
“...ข้ายังไม่เห็นตัวสีขาวกับที่ถืออาวุธเวทย์มนต์”

“เอิม....ตัวที่ชื่อซาริวสึ?”

“อ่า ใช่ ชื่อนั้นแหละ”
ไอส์ค่อยจำลิซาร์ดแมนที่มาเจรจาได้จากที่ออร่ากระตุ้นเตือน

“เขาอยู่ข้างในบ้านหรือเปล่า?”

“ก็อาจจะใช่”
แต่กระจกมองระยะไกลไม่สามารถมองทะลุข้างในสิ่งก่อสร้าง ปรกติมันเป็นแบบนั้น

“เดมิ หยิบกระเป๋าไร้ก้นบึ้งมาซิ”

“รับบัญชา”
เดมิโค้งให้แล้วไปที่โต๊ะตรงมุมห้องแล้วหยิบกระเป๋าไร้ก้นบึ้ง เขามอบมันให้กับไอส์อย่างเคารพนบน้อม ไอส์เลือกหยิบม้วนคัมภีร์ออกมาอันหนึ่งจากในนั้น แล้วก็ใช้เวทย์ในคัมภีร์

ชิ้นส่วนล่องหนอันบอบบางที่ทำหน้าที่ตรวจจับถูกเสกขึ้นมา เจ้านี่ไม่สามารถทะลวงผ่านชั้นป้องกันเวทย์มนต์ได้แต่สามารถผ่านกำแพงธรรมดาได้ไม่ว่าจะหนาแค่ไหน ถ้ามันใช้ไม่ได้ก็แสดงว่ามีศัตรูที่แข็งแกร่งที่พวกเขาต้องกังวลอยู่ที่นั้น

หลังเชื่อมโยงเจ้าสิ่งตรวจจับเข้ากับกระจกมองระยะไกลเพื่อที่พวกผู้พิทักษ์จะสามารถเห็นได้แล้ว ไอส์เริ่มเคลื่อนไหวเจ้าสิ่งตรวจจับที่ดูหมือนลูกตาลอยได้

“เข้าไปดูในบ้านกัน”
ไอส์เลือกบ้านเก่าๆพังๆหลังนึงใกล้ๆแล้วส่งเจ้าสิ่งตรวจจับเข้าไป ซึ่งแม้ข้างในจะมืด มันก็จะแสดงภาพสว่างเหมือนตอนกลางวันเมื่อยามที่ตรวจจับนั้นเคลื่อนเข้าไปข้างใน

ในห้องนั้น ลิซาร์ดแมนตัวสีขาวกำลังถูกกดทับและได้ยกหางของตัวเองขึ้น โดยลิซาร์ดแมนสีดำตัวหนึ่งกำลังขี่อยู่ข้างบน

งง......
ตอนแรกนั้นไอส์ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เพียงชั่วพริบตามันได้เป็นความสับสนว่าทำไมมาทำกันในเวลาแบบนี้

จากนั้นไอส์จึงเอาเจ้าที่ตรวจจับออกไปอย่างเงียบๆ
“......”
“…………”
รู้สึกแปลกๆ ไอส์เลยยกมือก่ายหน้าผาก พวกผู้พิทักษ์รอบๆข้างไม่รู้จะพูดอะไรได้แต่มองหน้ากันไปมา

เดมิ “---ไอ้พวกน่ารังเกียจ โคคิวตัสจะโจมตีอยู่รอมร่อยังมีแก่ใจมาทำสิ่งนี้อีก”
ออร่า “ใช่เลย ใช่เลย”
มาเร่ “อ่า ก็ เอิม.....”
แชลเทียร์ “เดมิพูดถูก ไปสั่งสอนพวกมันกันเถอะ”
อัลเบโด้ “น่าอิจฉาจัง.......”
ไอส์ยกมือห้ามปรามการพูดคุยของพวกผู้พิทักษ์

“..ช่างมันเถอะ พวกมันใกล้จะตายแล้ว ข้าเคยเห็นในภาพยนต์ที่เวลาสถานการณ์เลวร้ายสุดๆอย่างนี้จะกระตุ้นสัญชาตญานให้ผลิตทายาท”
ไอส์พยักหน้าเพื่อยืนยันความมั่นใจความเห็นของตัวเอง

เดมิ “อย่างที่ท่านว่า”
ออร่า “ถ้าแค่นี้ก็น่ะ เราปล่อยๆไปก็ได้”
แชลเทียร์ “ใช่ใช่”
มาเร่ “เอิมมม อ่า นั่นก็....”
อัลเบโด้ “เรากับท่านไอส์.....”
ไอส์ “....พวกเจ้าทุกคนเงียบหน่อย”

หลังจากพวกผู้พิทักษ์หุบปาก ไอส์จึงถอนหายใจ
“....ข้าคิดว่าข้าหมดอารมณ์แล้วน่ะ แต่ช่างเถอะ มันไม่น่าจะมีใครที่เราต้องสนใจหาแล้วในหมู่บ้าน แต่พวกเราไม่สามารถคลายการป้องกันได้ บางคนอาจจะกำลังมาหาพวกเราอยู่ ออร่า....”
จู่ๆไอส์ก็หยุดเคลื่อนไหวแล้วจ้องไปที่เด็กทั้งสอง
โอ้ ไม่!พลาดแล้วเรา! พวกเขายังไม่โตพอสำหรับเพศศึกษา....ไม่น่ะ มันยังเร็วไป!
ไอส์รู้สึกว่าตนเข้าอกเข้าใจแล้วถึงความรู้สึกของพ่อที่เกิดมีฉาก18+โผล่ขึ้นมาระหว่างดูทีวีกับทั้งครอบครัว

ผู้ปกครองควรจะพูดอะไรเวลาเด็กถามว่า “พวกทารกออกมาจากตรงไหน?” แย่ล่ะ! ที่ฉันเผลอปล่อยให้ลูกๆของซิมเมอริงทีพอทเห็นฉากแบบนี้----เออ มันคงไม่เป็นไรหน่า ตัดอัลเบโด้ไป เดมิอูเร่....อาจจะอธิบายในมุมทางการแพทย์ได้...นั่นจะไว้เป็นแผนสำรอง แชลเทียร์....เธอดูจะไม่มีปัญหาอะไร ยังไงก็ตาม ฉันต้องจำไว้ก่อนว่านี่เป็นปัญหาที่จะไว้แก้ทีหลัง

หลังจากผลักเลือกทิ้งปัญหาไว้ในใจแล้ว ไอส์กระแอมไอแล้วกล่าวว่า
“ถ้าเครือข่ายรักษาความปลอดภัยยังไม่แสดงอะไรข้ากับเหล่าผู้พิทักษ์จะออกไปพร้อมกันทั้งหมด”

ถ้าผู้เล่นจากอืกดราซิลมีตัวตนอยู่ ไอส์วางแผนไว้ว่าจะไม่รักษาสัญญาที่ทำไว้ว่าจะปล่อยหมู่บ้านพวกลิซาร์ดแมนไป ถ้าอีกฝ่ายไม่เข้าร่วมกับพวกเขา พวกมันจะต้องถูกทำลายจากกำลังทั้งหมดของนาซาริคเพื่อกันไม่ให้ข่าวสารหลุดลอดไป ถ้ามันเป็นอย่างนั้น ไอส์จะทำลายทั้งหมู่บ้านแม้จะต้องใช้กำลังทั้งหมดจากชั้นแปด

ไอส์สลัดความรู้สึกผิดที่ทรยศคำสัญญาที่ทำไว้กับโคคิวตัส เพราะถ้าเพื่อของบางสิ่งที่สำคัญสุดยอดแล้ว คำโกหกสีขาวก็สามารถจะช่วยทำให้เรื่องมันเบาๆลงได้
“....เอาเถอะ ตอนนี้พวกเรามารอชมการแสดงที่จะเริ่ม...และชื่นชมความสามารถเชิงบู๊ของโคคิวตัสกัน

Part 2
4 ชั่วโมงผ่านไปไวเหมือนโกหก
พวกนักรบลิซาร์ดแมนได้รวมตัวกันแล้วที่ประตูหน้าของหมู่บ้านในเขตชุ่มน้ำที่น้ำแข็งกำลังละลาย หลังจากศึกอันดุเดือดไม่กี่วันก่อน พวกนักรบมีเหลืออยู่ไม่มาก
มีอยู่3169ตัว

พวกที่ไม่ใช่นักรบจะไม่เข้าร่วมเพราะ ชาซุริว บอกว่า “ศัตรูมีน้อย คนมากรังแต่จะเกะกะ”
ฟังทีแรก มันก็ดูเหมือนจะมีเหตุผล แต่มันดูจะไม่จริงเท่าไหร่นัก

ซาริวสุยืนไกลออกไปมองดูการรวมตัวของพวกนักรบอยู่
ทุกตัวทาสีออกศึกที่แสดงบรรพบุรุษของพวกเขา ใบหน้าพวกเขาแสดงความมุ่งมั่นอันแข็งแกร่งประดุจเหล็กกล้า พวกเขาเหมือนจะคิดว่าพวกเขาจะไม่แพ้

พวกลิซาร์ดแมนที่อยู่รอบๆเชียร์เหล่านักรบ ในกลุ่มนั้นสีหน้าบอกความกังวลใจแสดงออกมาอย่างเห็นได้ชัด

เพื่อเก็บความกังวลในอกไม่ให้แสดงออกมา ซาริวสุทำเต็มที่ในการทำหน้าตายต่อหน้าพวกลิซาร์ดแมนตัวอื่นๆ กันพวกมันจากความจริงว่าการสู้ครั้งนี้เป็นแค่การบูชายัญที่มีต่อเจ้าแห่งความตาย

นี่คือศึกที่เจ้าแห่งความตายจะแสดงแสงยานุภาพของเขาต่อเหล่าลิซาร์ดแมน ทำลายล้างสำนึกต่อต้านในใจของเหล่าลิซาร์ดแมนให้สิ้น พวกมันไม่มีโอกาสชนะตั้งแต่ต้น คำของซาสุริวก่อนหน้านั้นที่จริงแล้วก็เนื่องจากความหวังจะจำกัดจำนวนผู้เสียสละให้น้อยที่สุด

ซาริวสุเบือนสายดาจากเหล่าลิซาร์ดแมนแล้วจ้องไปที่บริเวณถิ่นของศัตรูด้วยตาอันแหลมคม

กองทัพโครงกระดูกยังฝังรากอยู่ที่เดิม ไม่เคลื่อนแม้แต่นิ้วเดียว ส่วนเจ้าสัตว์ประหลาดชื่อโคคิวตัสนั่นยังไม่เห็นว่าอยู่แถวๆพวกมันเลย มันไม่สามารถเป็นโครงกระดูกไปได้ เขาเป็นคนที่เจ้าแห่งความตายเชื่อถือ ไม่มีทางที่เขาจะเป็นแค่สัตว์ประหลาดระดับลูกสมุน แน่นอนว่าเขาต้องเป็นคนเก่งที่แค่เห็นแวบเดียวก็รู้ว่าแข็งแกร่งจนรับรู้ได้ไปถึงสุดปลายหาง

เสียงของสัตว์ขนาดใหญ่เคลื่อนไหวในเขตชุ่มน้ำสามารถได้ยินจากข้างหลังของซาริวสุที่วิตกกังวล---“เฮ้ย ซาริวสุ”----เซนบูรุทักทายอย่างไม่มีทีท่าเดือดร้อนอะไรเหมือนดังปกติ ทั้งๆที่พวกเขากำลังจะก้าวไปสู่ความตาย เซนบูรุยังคงเป็นแบบปกติที่เขาเป็น
“กำลังใจของพวกเราเหมือนอยู่บนจุดสูงสุด”

“ใช่เลย มันจะเยี่ยมมากถ้ายังอยู่ระดับนี้ต่อหน้าศัตรูที่ทรงพลัง เจ้าโคคิวตัว.....”

“เออ โอ้! ถึงเวลลาแล้วหรือนี่?”
ซาสุริวปรากฏตัวที่หน้าประตูหลัก สายตาทุกคู่จ้องไปที่เขาและภูตหนองน้ำที่อยู่ข้างกายเขา

ครูชไม่มาเพราะเธอใช้มานาของเธอจนหมดสิ้นเพื่อเสกเหล่าภูตหนองน้ำมา หลังจากร่ายคาถาเพิ่มพลังป้องกันระยะยาวไปจำนวนหนึ่งและเสกเหล่าภูติ ภาระจากการใช้มานาอย่างหนักหน่วงทำให้เธอเคลื่อนไหวไม่ได้ เมื่อทั้งสองออกจากห้อง ครูชได้บอกซาริวสุเรียบร้อยแล้วว่าเธอจะหมดสติไปเลยจากการให้มานามากเกินไป และนี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่พวกเขาจะได้เห็นกันและกัน

ซาริวสุผู้ไม่มีคู่อยู่เคียงข้างมองอย่างโดดเดี่ยวไปในทิศที่ครูชอยู่ ใบหน้าเมื่อยามเธออำลาทำให้ใจของซาริวสุแทบสลาย

“นักรบทั้งหลาย หน้าเดิน!”
คำสั่งอันปลุกความกล้าของซาสุริวยกระดับกำลังใจของเหล่าลิซาร์ดแมนสูงไปอีกขั้น

เขาต้องเปลี่ยนจิตของเขาไปสู่จิตของนักรบ ซาริวสุตั้งสติรวบรวมจิตใจ
ภายใต้การนำของซาสุริวและภูตหนองน้ำ พวกลิซาร์ดแมนค่อยๆเดินหน้า
พวกเขาออกจากเขตหมู่บ้านเพื่อเลี่ยงจากความเสียหายทางอ้อม
ซาริวสุและเซนบูรุเป็นแนวหลัง
ซาริวสุพลันหวนมองไปที่หมู่บ้าน กำแพงดินที่เสียหายอย่างหนัก พวกลิซาร์ดแมนผู้วิตกกังวลที่มาส่งพวกเขา และ-------
ซาริวสุถอนหายใจสะบัดความกังวลออกไปและเดินหน้าไปก้าวใหญ่ เขาไม่เปล่งเสียงเรียกชื่อของลิซาร์ดแมนสาวที่ติดอยู่ที่ริมฝีปากออก

พวกลิซาร์ดแมนเดินตัดเขตชุ่มน้ำ ยืนกันอยู่ระหว่างกองทัพโครงกระดูกและหมู่บ้าน
มันไม่มีกระบวนทัพเฉพาะอะไร พวกมันแค่รวมตัวกันระหว่างรอศึกที่กำลังจะมาถึง ที่ดูเป็นระเบียบอย่างเดียวก็คือพวกหัวหน้าเผ่า ซาริวสุและ ภูตหนองน้ำ2ตนที่อยู่ด้านหน้า

กองทัพโครงกระดูน่าจะรอคอยซาริวสุและพวกให้มาถึงอยู่ พวกโครงกระดูกตีโล่ห์และเดินทัพไปข้างหน้า
ถ้าเวลาเคลื่อนกันเพียงเล็กน้อย มันก็จะเป็นแค่เสียงอันไม่มีแบบแผนจากทัพที่กำลังเคลื่อน แต่การเคลื่อนไหวของพวกมันจังหวะลงตัวและมีเสียงประดุจอันเดียวกัน ในสถานการณ์ที่ต่างออกไปพฤติกรรมนี้คงจะคู่ควรแก่เสียงปรบมือและคำชื่นชม

ในขณะที่เสียงได้ดึงความสนใจของเหล่าลิซาร์ดแมน ทางด้านหลังของพวกโครงกระดูก ---ต้นไม้บ้างต้นในป่าได้ล้มลง
ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นว่าทำไมต้นไม้ใหญ่หนาถึงได้ล้ม บางคนได้โค่นมัน
นี่ได้ก่อให้เกิดความวุ่นวายในเหล่าลิซาร์ดแมน

เมื่อพวกมันไม่อาจเห็นว่ามันถูกโค่นอย่างไร ก็อาจจะเป็นไปได้ว่านี่เป็นการกระทำของหลายคน อย่างไรก็ตามเวลาระหว่างการโค่นของแต่ล่ะต้นเป็นระเบียบเกินไป หลังจากเห็นการเคลื่อนที่อย่างเพร้อมเพียงของเล่าโครงกระดูก มันอาจจะเป็นไปได้ที่หลายตัวทำงานร่วมกันจนสำเร็จ แต่ไม่มีลิซาร์ดแมนแม้แต่ตัวเดียวที่คิดว่าจะเป็นกรณีนี้
ลางสังหรณ์อันแปลกประหลาดตกค้างอยู่ในใจของพวกมัน ความรู้สึกที่ว่านี่เป็นฝีมือของคนคนเดียว

เพราะไม่มีเสียงคมมีดกำลังตัดต้นไม้ก่อนที่จะล้ม ซึ่งหมายความว่าแม้จะไม่น่าเป็นไปได้ แต่มีสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งมากทำโดยฟันเพียงฉับเดียว
ต้องแข็งแรงขนาดไหนและใช้อาวุธอะไรที่สามารถะตัดต้นไม้ใหญ่ได้ในการฟันครั้งเดียว?
เสียงของไม้ล้มร่วมไปกับเสียงเคาะโล่ได้เข้ามาใกล้พวกลิซาร์ดแมนมากขึ้น

ความรู้สึกวิตกกังวลก่อตัวขึ้น ก็สมควรเช่นนั้น ใครเล่าจักสามารถสงบจิตสงบใจได้ในสถานการณ์เช่นนี้ แม้เซนบูรุผู้พร้อมจะสิ้นชีพ หรือแม้ซาริวสุและซาสุริวที่แม้จะเก็บอาการได้ดีก็ยังแอบสั่นไหว

ผ่านไปชั่วครู่ ผู้ที่เบิกทางในป่าได้แสดงโฉมของตัวมัน ในเวลาเดียวกันเสียงเคาะโล่ได้หยุดลง

ในความเงียบสงบอันน่าหวาดหวั่น วงกลมสีฟ้าปรากฏขึ้นต่อหน้าพวกมัน หากไม่ใช่เพราะเมฆหนาครึ้มล่ะก็ใครเลยจะบอกได้ว่าแสงสะท้อนจากตัวเขาจะสว่างจ้าซักเพียงใด

รูปร่างนั้นสูงใหญ่ถึง 250 เซนติเมตร ดูราวกับแมลงที่ยืนบนสองขา รูปลักษณ์นั้นเหมือนดังมดหรือตั๊กแตนตำข้าว ลูกผสมของปีศาจอันชั่วร้าย
โครงภายนอกอันแข็งนั้นมีไอเย็นครอบคลุม เปล่งประกายประดุจเศษเพชร ( diamond dust คือสภาพทางภูมิอากาศอย่างหนึ่งทางเขตหนาวคล้ายๆกับหมอกที่เปล่งประกาย หรือ เศษเพชรก็ได้ ในทีนี้ผมเลือกเศษเพชร)
มันมีหางที่เป็นหนามยาวเกือบ2เท่าของความสูงและขากรรไกรทรงพลังที่ดูแข็งแกร่งพอที่จะขย้ำแขนคนได้ในการกัดครั้งเดียว
เขายังมีแขน4ข้างที่ใส่ถุงมือโลหะยาวอันส่องประกายเสริมความสง่าให้แต่ล่ะข้าง สร้อยคอทองคำอันหนึ่งคล้องอยู่ที่คอและมีกำไลเงินประดับที่เท้าของมัน
เจ้าสิ่งมีชีวิตอันทรงพลังระดับเดียวกับเจ้าแห่งความตาย----ได้แสดงตนของมันออกมา
นี่ซิน่ะ โคไซตัส?
หัวใจของซาริวสุเต้นระรัวหายใจไม่เป็นจังหวะ
ไม่มีลิซาร์ดแมนตัวใดเอ่ยปาก ไม่สามารถจะละสายตาออกไปสายตาของพวกมันถูกดึงดูดไปที่เจ้าสัตว์ประหลาดที่สำแดงกายออกมา แม้พวกมันจะกลัวพวกมันกลับกลัวเกินกว่าจะเบือนหน้าหนี

ทั้งกลุ่มก้าวถอยโดยไม่รู้ตัว จะเป็นพวกที่มาด้วยใจสู้ที่ถูกปลุกเร้าหรืออย่างซาริวสุและพวกที่มาอย่างเตรียมตัวตาย ทั้งหมดถูกทำให้มึนเข้าอย่างจังเมื่ออยู่ต่อหน้าพลังที่เหนือกว่าอย่างสิ้นเชิง

ข้ารู้อยู่ว่าเจ้าแห่งความตายยั้งมืออยู่ แต่ไหนเลยจะคิดว่าเจ้าสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังผู้ปราถนาจะสู้นั้นช่างน่ากลัวอะไรเช่นนี้

แม้อยู่ใต้เวทย์ที่ระงับความกลัว ความอยากที่จะหนียังผุดขึ้นภายในตัวของซาริวสุ มันช่างน่าอัศจรรย์ที่เหล่าลิซาร์ดแมนอื่นๆที่ไม่ได้ถูกป้องกันจากเวทย์เช่นนั้นยังไม่วิ่งหนีไป

โคคิวตัสค่อยๆใกล้เข้ามา

เขาก้าวเข้ามาสู่เขตชุ่มน้ำเดินอย่างองอาจผ่านพวกโครงกระดูก--- โคคิวตัสหยุดประมาณ30เมตรจากพวกลิซาร์ดแมนบนมูนดินเล็กๆ จากนั้นโคคิวตัสได้ขยับใบหน้าที่เหมือนแมลงบนคอยาวๆของเขา เขาเหมือนกำลังมองหาใครอยู่

ซาริวสุรูสึกว่าสายตาของโคคิวตัสหยุดอยู่ที่เขาชั่วขณะ

“---เอาล่ะ ท่านไอส์กำลังรับชมอยู่ จงสำแดงกำลังของพวกเจ้าออกมา แต่ก่อนนั้น (เสา น้ำแข็ง ice pillar)”
ผลจากการสั่งใช้เวทย์ ถัดไปราว20เมตร เสาน้ำแข็งสองต้นผุดขึ้นมาระหว่างพวกลิซาร์ดแมนและโคคิวตัว

“นี่อาจเสียมารยาทต่อเหล่านักรบที่มาด้วยจิตมุ่งมั่นพร้อมจะตาย แต่จงรู้ไว้ซ่ะ มีเพียงความตายเท่านั้นรอคอยผู้ที่ข้ามมาเกินเสาน้ำแข็งนี้”
โคคิวตัสยืนกอดอกด้วย2แขนของเขา ภาษากายของเขาบ่งบอกว่าปล่อยการตัดสินใจให้กับพวกลิซาร์ดแมน

“เฮ้ย เจ้านี้เป็นคนดีอย่างไม่น่าเชื่อเลยว่ะ...”
ซาริวสุผงกหัวเห็นด้วยกับความเห็นของเซนบูรุ

เขาได้ก้าวเดินออกมา เซนบูรุ ซาสุริว และหัวหน้าเผ่าอีกสองได้ตามมา
ซาสุริวหันหลังไปบอกพวกนักรบที่ตามพวกเขามาว่า
“พวกเจ้ารออยู่ที่นี่....ไม่ซิ กลับไปที่หมู่บ้าน ไม่เช่นนั้น...พวกเจ้าจะตายเพราะพวกเรา”

“อะไรกัน? พวกเราก็ต้องการจะสู้ด้วย! มันน่ากลัวอยู่...แต่ถึงงั้น พวกเราก็จะสู้!”

“มันไม่เป็นการขี้ขลาดที่จะถอยหนี การอยู่ต่อซิต้องอาศัยความกล้ามากกว่า”

“แต่.....”

“ลิซาร์ดแมนทุกตนไม่สามารถกลับไปได้ ก็อย่างนั้นแหละ ในฐานะของผู้นำเผ่า พวกเราไม่สามารถยอมให้คนอื่นยึดครองโดยปราศจากการต่อสู้ได้ใช่ไหมล่ะ?”

“แต่หัวหน้า พวกเราก็ต้องการจะสู้”

“ถอยไปไอ้พวกหนุ่มๆ ไปซ่ะ ไปจากที่นี้ ปล่อยให้เป็นหน้าที่พวกแก่ๆอย่างพวกข้าเอง!”

พวกที่ก้าวมาข้างหน้าก็อายุเยอะอยู่หรอก แต่ยังไม่แก่ขนาดจะเรียกว่าคนแก่ พวกมันมีกัน57ตัว พวกที่เหลือไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้เมื่อได้เห็นใบหน้าของพวกเขา
ถ้าพวกเขาแสดงความมุ่งมั่นหรือหมดอาลัย พวกที่เหลือยืนกรานมั่นใจว่าจะไปกับพวกเขา แต่อาการของพวกเขากำลังอ้อนวอนพวกที่เหลืออยู่ ขอร้องให้พวกหนุ่มๆยังใช้ชีวิตอยู่ต่อไป
พวกนักรบที่พูดอะไรไม่ออกได้แต่ไม่เต็มใจถอยไป
ซาสุริวหันกลับไปที่โคไซตัสอีกครั้ง
“...ขอโทษที่ให้รอ โคไซตัส”

โคไซตัสยื่นแขนไปข้าง งอนิ้วผอมๆ แสดงท่าให้พวกมันเข้ามาหาเขา เผชิญหน้ากับการยั่วยุของศัตรู ซาสุริวตะโกนสุดเสียง
“ลุย---------!”
“ว้ากกกกกกกกกก”
พวกลิซาร์ดแมนที่ทำใจเสริมใยเหล็กกู่ร้องจากก้นบึ้งของหัวใจและพุ่งไปที่โคไซตัส



โคไซตัสมองอย่างเย็นชาไปที่เหล่านักรบที่พุ่งเข้ามาเขา
“...ข้าขออภัยที่ทำเช่นนี้กับพวกเจ้า นักรบทั้งหลายเอย แต่ข้าจะลดจำนวนพวกเจ้าลงหน่อย”
โคไซตัสไม่มีวันพ่ายแม้พวกนักรบทั้งหมดจะพุ่งเข้าถึงตัวเขา แต่เขายังจำเป็นต้องเลือกคู่ต่อสู้ที่จะมาต่อกร

โดยส่วนตัว โคไซตัชอยากจะแสดงความเคารพในฐานะนักรบและสู้ในระยะที่ศัตรูสามารถโจมตีเขาได้ แต่เขาติดค้างผู้เป็นนายของเขาอย่างลึกซึ้ง ฉะนั้นมันจะเป็นการเสียมารยาทที่แสดงไอส์ถึงการต่อสู้ที่ไม่งามสง่าระหว่างผู้พิทักษ์ของนาซาริคกับพวกฝูงชนไร้ระเบียบ

โคไซตัสปลดปล่อยความสามารถที่ถูกผนึกไว้ของเขา
ความสามารถของคลาส อัศวินแห่งนิฟเฟ่นไฮ (รัศมีเยือกแข็ง frost aura) ความสามารถพิเศษนี้ใช้ความเย็นสุดขั้วเข้าทำความเสียหายและลดความเร็วของศัตรูลง ที่ระดับเต็มพิกัด มันสามารถส่งผลถึงพวกลิซาร์ดแมนที่มองจากริมรอบนอกได้เลย โคไซตัสไม่ปราถนาเช่นนั้น

ควบคุมพลัง
จำกัดระยะ ลดกำลังทำลาย
“ประมาณนี้ล่ะกัน...”
โดยมีโคไซตัสจุดศูนย์กลาง ความเย็นสุดขั้วครอบคลุมรัศมี25เมตร
ผลกระทบจากความเย็นสุดขั้วอุณหภูมิลดลงอย่างรุนแรงถึงกับทำให้อากาศส่งเสียงประดุจหวีดร้อง

“....อืมมม น่าจะพอได้”
โคคิวตัสผนึกความสามารถของเขา
มันเกิดขึ้นชั่วพริบตาเดียว ความเย็นสุดขั้วนั้นได้จางหายไปเหมือนดังเป็นเพียงภาพลวงตา แต่แน่นอนว่านั้นไม่ใช่ความฝันหรือภาพลวงตา 57 ร่างของนักรบลิซาร์ดแมนบนเขตชุ่มน้ำนั่นเป็นหลักฐานที่ดีที่สุด
มีลิซาร์ดแมน5ตัวเท่านั้นที่ยังสามารถเคลื่อนไหวได้ และพวกมันคือ5ตัวที่เก่งที่สุดในเหล่าลิซาร์ดแมน พวกมันไม่ตื่นตระหนกจากความตายของพวกพ้องหรือจากความสามารถของโคคิวตัส ยังคงเคลื่อนไปอย่างพร้อมเพียงกัน

หินก้อนหนึ่งลอยแหวกอากาศไป ลิซาร์ดแมนตัวหนึ่งในชุดเกราะเต็มตัวนำการโจมตีโดยมี2ตัวตามอยู่ข้างหลัง ภูตหนองน้ำเคลื่อนไปอย่างช้าตามหลังลิซาร์ดแมน2ตัวด้วยร่างที่ปริแตกจากความหนาว ลิซาร์ดแมนตัวสุดท้ายอยู่ด้านหลังคอยร่ายเวทย์อยู่

การโจมตีแรกคือการซัดหินเล็งไปที่คอของโคไซตัส อย่างไรก็ตามการโจมตีนั้นไร้ความหมาย เพราะว่า--- “อุปกรณ์สวมใส่ของเหล่าผู้พิทักษ์นั้นสามารถป้องกันอาวุธยิงได้”---กำแพงป้องกันล่องหนเหมือนสะท้อนหินออกไป

ลิซาร์ดแมนที่นำตามโจมตีต่อนั้น สวมใส่1ใน4สมบัติที่ถูกส่งต่อมารุ่นสู่รุ่น---กระดูกมังกรขาวwhite dragon bone มันเป็นสิ่งที่ทนทานเพียงพอจะที่จะกัน frost pain ซึ่งก็เป็นหนึ่งใน4สมบัติเช่นกัน นี้คือเกราะที่แข็งที่สุดที่พวกลิซาร์ดแมนรู้จัก
Attachment 69854
โคไซตัสที่อยู่ตรงหน้าเขาดึงดาบออกมาจากความว่างเปล่า ราวกับว่าดาบนั้นอยู่ตรงนั้นอยู่แล้ว
ดาบที่โคไซตัสชักออกมานั้น ยาวกว่า180เซนติเมตร รูจักกันในนาม ดาบเจ้าพิฆาตเทวะ royal blade god slayer มันคมที่สุดจากใน20อาวุธที่โคไซตัสครอบครอง
(taichiคือกระบี่ไทเก๊กไม่แน่ใจว่าเขาจะพิม์tachiที่หมายถึงดาบญี่ปุ่นหรือเปล่าแต่ผมเชื่อว่าหมายถึงดาบ)
จากนั้นเขาได้ฟันไปที่ลิซาร์ดแมนข้างหน้าของเขา
คมมีดที่ฟาดฟันผ่านอากาศได้ทำให้แม้อากาศยังกรีดร้อง---เสียงที่ช่างเงียบสงบ ในสถานการณ์อื่นผู้คนอาจจะอยากฟังเสียงสมบูรณ์เช่นนี้อย่างระมัดระวัง
หลังจากเสียงนั้น ร่างของหัวหน้าเผ่าถูกแบ่งครึ่งพร้อมไปกับเกราะ ตกไปทางซ้ายและขวาลงไปสู่พื้นที่ชุ่มน้ำ
ดาบเจ้าพิฆาตเทวะไม่บิ่นเลยแม้จะแบ่งครึ่งเกราะที่แข็งที่สุดของเหล่าลิซาร์ดแมน

2ลิซาร์ดแมนที่อยู่ด้านหลังไม่หวาดกลัวต่อความตายอันน่าสยดสยองของสหายศึก โจมตีจากข้างคนละข้างพร้อมยกอาวุธขึ้น
“ซ่าาาาาา!”

ด้านขวาเป็นการฟาดของเซนบูรุ เสริมพลังด้วย (อาวุธเหล็กธรรมชาติ iron natural weapon) และ (Iron skin ผิวเหล็ก)มันถูกใช้สุดกำลังเล็งไปที่หน้าของโคไซตัส
“ว้ากกกกกกก!”

ทางด้านซ้ายคือ ฟรอสเพนที่เล็งไปที่ท้องของเขา
การโจมตีประชิดตัวนี้อาศัยข้อได้เปรียบที่ว่าอาวุธที่ยาวยากจะใช้ในระยะประชิด
แน่นอนว่า หลักนั้นใช้ได้กับพวกคนธรรมดาเท่านั้น

โคไซตัสเบี่ยงตัวเล็กน้อยใช้คมมีดป้องกันแขนของเซนบูรุจากทางขวา การเคลื่อนไหวของเขาช่างรื่นไหลและงามสง่าราวกับอาวุธในมือเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายก็มิปาน

อาศัยความสามารถ ผิวเหล็ก ในเชิงของความแข็งเซนบูรุอยู่ในระดับเหล็กกล้าเลยทีเดียว แต่การฟาดใส่เกราะเมื่อครู่แสดงให้เห็นว่า ดาบเจ้าพิฆาตเทวะคมเพียงใด
คมดาบเฉือนเข้าไปสู่แขนเขาอย่างราบรื่นราวกับไหลผ่านผิวน้ำ
“อ้ากกกกกกก”
พร้อมกับเลือดที่พุ่งจากส่วนของแขนขวาที่เหลือของเซนบูรุ อีกมือของโคไซตัสได้คีบฟรอสเพนที่ถูกเล็งมาที่ท้องของเขาเอาไว้

“---โอ วิเศษ ดาบดีนี่”

“ชิ!”
ซาริวสุยอมปล่อยฟรอสเพนที่ไม่สามารถขยับออกมาได้และเตะโคคิวตัสที่ข้อเข่า โคคิวตัสไม่ได้หลบหลีกและรับการโจมตีนั้น แต่สุดท้ายเป็นซาริวสุผู้โจมตีที่ต้องทนกับความเจ็บปวดรุนแรง
มันเหมือนกับความรู้สึกตอนเตะกำแพงเหล็กเต็มกำลัง

“?Over Magic: Mass Cure Light Wounds?!” ( เวทย์ยกระดับ:รักษาอาการบาดเจ็บเล็กน้อย แบบเป็นกลุ่ม)
หลังจากที่ยอมใช้มานาจำนวนมาก มันช่วยให้สามารถใช้เวทย์ขั้นสูงกว่าที่ปรกติเข้าถึงได้ --- ซาสุริวร่ายเวทย์รักษาแบบเป็นกลุ่มที่ถูกเร่งพลังด้วยการยกระดับโดยอาศัยเวทย์มนต์
“ฟู่...”
โคไซตัสดูจะเกิดความสนใจขึ้นสังเกตจากการที่เขาจ้องไปที่ซาสุริวที่ใช้การดัดแปลงเวทย์ในแบบที่เขาไม่รู้จัก แต่ว่าภูตหนองน้ำสองตัวบังการมองของเขาอยู่ ภูตหนองน้ำเคลื่อนไปข้างหน้าของเซนบูรุที่แขนกำลังฟื้นตัวอยู่ด้วยเวทย์มนต์แล้วโจมตีโคคิวตัสด้วยระยางค์ของพวกมัน แต่ก่อนที่การโจมตีจะถึงตัว โคคิวตัสได้ไปเฉือดพวกมันลงอย่างหงุดหงิด
พร้อมกับที่ภูตหนองน้ำสลายกลายเป็นเพียงธุลี กำปั้นของซาริวสุได้โจมตีไปถูกลิ้นปี่ ท้องน้อยและหน้าอกของโคไซตัส แน่นอนว่าคนที่บาดเจ็บคือซาริวสุ ผิวหนังตรงกำปั้นของเขาฉีกขาดมีเลือดไหลออกมา

“น่ารำคาญ”
โคคิวตัสตวัดหางที่มีหนามแหลมเข้าที่อกของซาริวสุอย่างแรง

“กุกกอ่าาาาา!”
ซาริวสุลอยไปเหมือนลูกบอลที่ถูกไม้เบสบอลฟาดเข้า พร้อมกับเสียงฟาดที่ดังขึ้น ได้ลอยโด่งไปไกลก่อนจะกลิ้งตกลงสู่พื้นที่ชุ่มน้ำ เขาหยุดลงหลังจากกลิ้งตกลงบนพื้นที่ชุ่มน้ำแต่ความเจ็บปวดที่อกของเขาและเลือดที่ซึมไหลจากคอทำให้ยากที่จะหายใจ
กระดูกที่หักคงจะทิ่มแมงเข้าไปที่ปอด เขาไม่สามารถหายใจเข้าได้เลยแม้จะอยากแค่ไหน รู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองกำลังจมอยู่ใต้น้ำ ของเหลวอุ่นๆในคอก็ทำให้เขาอยากที่จะอ้วกออกมา ซาริวสุมองดูที่อกของตัวเอกและเห็นเลือดไหลออกมาจากบาดแผลที่ถูกแทงด้วยหนามแหลมคม
เพียงการโจมตีแค่ครั้งเดียวก็ทำให้ซาริวสุอยู่ในสภาพน่าสมเพชถึงเพียงนี้

ซาริวสุพยายามจะหายใจเข้าด้วยกำลังเท่าที่มีและจ้องเขม็งไปที่โคไซตัสที่อาจจะเข้ามาลงดาบปลิดชีพ
“เมื่อเจ้ายังมีใจจะสู้ ข้าคืนสิ่งนี้ให้เจ้า”
โคไซตัสโยนฟรอสเพนไปข้างๆซาริวสุและละความสนใจเขา มุ่งหน้าไปที่พวกลิซาร์ดแมนที่ยังเหลือ
ซาสุริวร่ายเวทย์รักษาที่เซนบูรุผู้ที่แขนฟื้นสภาพแล้วแต่ก็ยังเสียกำลังกายไปเยอะ

ก่อนที่โคคิวตัสจะไปถึงพวกมัน หินอีกก้อนได้พุ่งเข้าหาเขาเพื่อเบียงความสนใจ---แต่มันก็เท่านั้นเพราะถูกสะท้อนออกไปอย่างง่ายดาย
“----น่ารำคาญ”
โคคิวตัสพึมพำก่อนจะยื่นแขนไปที่หัวหน้าเผ่า เขี้ยวเล็ก

“?Piercing Icicle?.” (เสาน้ำแข็งทิ่มทะลวง)
เสาน้ำแข็งนับโหลหนาเท่าแขนมนุษย์พุ่งเป็นห่าฝนในการโจมตีแบบเป็นวงกว้าง
ลิซาร์ดแมนที่อยู่ในระยะโดนทิ่มเข้าด้วยเสาน้ำแข็งทันที
อันหนึ่งเข้าที่หน้าอก อีกสองเข้าที่ท้อง อีกหนึ่งเข้าที่ต้นขาขวา เสาน้ำแข็งเจาะทะลวงร่างลิซาร์ดแมนอย่างง่ายดาย
หัวหน้าเผ่า เขี้ยวเล็ก ----- ลิซาร์ดแมนที่ทำการลอบโจมตีได้ดีที่สุดสิ้นชีพร่างร่วงลงไปสู่เขตชุ่มน้ำราวกับตุ๊กตาที่ขาดสายชักใย
“ว้ากกกกกกกกก!”

“?Over Magic: Mass Cure Light Wounds?!” (เวทย์ยกระดับ:รักษาอาการบาดเจ็บเล็กน้อย แบบเป็นกลุ่ม)
เซนบูรุรีบพุ่งเข้าไปพร้อมกับที่ซาสุริวร่ายเวทย์รักษาอีกครั้ง เซนบูรุพยายามยื้อเวลาเพื่อให้ซาริวสุได้รักษาตัว
เขารู้ดีว่านี่มันหุนหันเพียงใดและรู้ว่าตัวเขาไร้ค่าเพียงใดต่อหน้าโคคิวตัส ถึงอย่างนั้นเซนบูรุก็ไม่รีรอที่จะพุ่งเข้าไปข้างหน้า

เมื่อเซนบูรุอยู่ในระยะ โคคิวตัสฟันดาบเจ้าพิฆาตเทวะไปอย่างสบายอารมณ์
การฟันนั้นเร็วกว่าสายตาอันปราดเปรียวของเซนบูรุ----
ความเร็วนั้นเหนือกว่าความเร็วของเซนบูรุ----
ดาบนั้นตัดผ่านตัวของเซนบูรุอย่างง่ายดาย----
เลือดหลั่งไหลออกมาจากร่างไร้ศรีษะของเซนบูรุและเขาได้ล้มลงบนเขตชุ่มน้ำ ต่อมาไม่นานศรีษะก็ได้ร่วงหล่นลงบนพื้น

“....เอาล่ะ เหลือแค่2....ข้าได้ยินเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของพวกเจ้าจากท่านไอส์ ก็เป็นพวกเจ้าจริงๆที่สามารถอยู่ได้จนถึงช่วงสุดท้าย”
โคไซตัสที่ไม่ขยับแม้เพียงก้าวเดียวตั้งแต่เปิดศึก มองไปที่ทั้งสองและได้ตวัดดาบของเขา ควันหมอกสีขาวดูราวกับแผ่ออกมาจากดาบส่วนเลือดและคราบเลือดได้หายไปอย่างไร้ร่องรอย การเคลื่อนไหวนั้นช่างสวยงามราวกับสามารถขจัดทุกสิ่งทุกอย่างออกไปจากโลก

ซาริวสุที่ฟื้นตัวเพียงพอที่จะยืนและซาสุริวที่ชักดาบเล่มโตตรงหลังเขาออกมา ทั้งสองเผชิญหน้ากับโคคิวตัสในรูปแบบขนาบ ซาริวสุเอาเลือดที่ไหลออกจากบาดแผลละเลงที่หน้าของเขาเอง
มันดูเหมือนกับการทาสีออกศึกที่ใช้เรียกเหล่าบรรพบุรุษให้มาสถิตย์ในร่าง
“---เจ้าน้องชาย แผลเป็นไงบ้าง?”

“ไม่ดีนัก แผลของข้ามันรุนแรง ข้ายังพอจะแกว่งดาบได้บ้างอยู่หรอก”

“งั้นหรือ....ก็น่าจะพอได้อยู่น่ะ? ทีจริงมานาข้าก็แทบเหือดแล้ว ข้าคงล้มแน่ถ้าไม่ระวัง”

ซาสุริวกัดฟันกรอด เขาอาจหัวเราะอยู่ก็เป็นได้ สีหน้าของซาริวสุเปลี่ยนไปเมื่อเขาได้ยินคำนั้น
“งั้นหรือ ท่านก็กำลังฝืนสังขารอยู่เหมือนกันน่ะ พี่ข้า”
ซาริวสุหายใจออกอย่างสุขุมพร้อมด้วยรอยยิ้มผ่อนคลายไหล่ของตน แล้วหย่อนแขนข้างที่ถืออาวุธลง
ความเจ็บรุนแรงพุ่งขึ้นที่อกของเขา แต่ซาริวสุพยายามอย่างดีที่สุดที่จะเมินมันซ่ะ
อย่าหยุดหวังแม้จนวินาทีสุดท้าย--- ซาริวสุจะยังคงกวัดแกว่งดาบของเขา
ตั้งแต่เริ่ม เขารู้อยู่แล้วว่ามันไม่มีทางชนะ
ความพ่ายแพ้นั้นเลี่ยงไม่ได้ แต่เขาจะไม่ยอมแพ้
การยอมแพ้หมายถึงการหลอกลวงลิซาร์ดแมนนับไม่ถ้วนให้สละชีวิตโกหกต่อพวกมันว่าพวกเขาจะเป็นผู้ชนะ เพราะมีลิซาร์ดแมนที่เชื่อคำโกหกนี้ เขาจะไม่ยอมน้อมรับความพ่ายแพ้
สู้ให้เต็มที่จนถึงจุดสุดท้าย---
“ข้ายังสามารถฟาดฟันดาบของข้าได้!”
ซาริวสุคำรามสุดเสียง

เสียงฟันของโคไซตัสที่ยื่นออกมาจากปากกระทบกันดังจนสามารถได้ยินเสียง
“เสียงคำรามที่ดี-----”
โคคิวตัสอาจจะหัวเราะอยู่ นั่นไม่ใช่เสียงหัวเราะเยาะจากผู้แข็งแกร่งดูถูกผู้อ่อนแอ แต่เป็นของนักรบที่ให้การยอมรับถึงผู้ที่อยู่ระดับเดียวกัน

“ดีมาก น้องข้า สู้ให้ถึงที่สุดกันเถอะ”

ซาสุริวก็หัวเราะ
“ได้....ขออภัยที่ให้รอนาน คุณโคไซตัส”

โคคิวตัสยักไหล่เล็กน้อยแสดงอาการตอบรับคำของซาสุริว
“ไม่เป็นไร การรบกวนคำร่ำลาสุดท้ายของ2พี่น้องนั้นไร้มารยาท จงเตรียมตัวตายได้แล้ว.....อ่า ดูท่าพวกเจ้าเตรียมพร้อมอยู่แล้วซิน่ะ?”

เบื้องหน้าของซาริวสุและซาสุริวที่ก้าวออกมา โคไซตัสตวัดดาบของเขาแล้วกล่าวว่า
“ประกาศนามเจ้ามา”

“ซาสุริว ชาชะ”
“ซาริวสุ ชาชะ”

“...ข้าจะจดจำนามของพวกเจ้าไว้ จดจำพวกเจ้านักรบทั้งสอง ข้ายังคงต้องขอโทษด้วย ข้านั้นปรกติสู้ศึกพร้อมด้วยอาวุธในทุกๆมือ.....ข้าไม่ได้ดูหมิ่นพวกเจ้า แต่พวกเจ้าไม่ถึงขั้นที่ข้าต้องทำถึงขนาดนั้น”

“น่าเสียดายนัก”
“ใช่เลย ---- ไปกันเถอะ!”
ทั้งสองวิ่งเข้าหาโคไซตัสอย่างเร็วจนน้ำในเขตชุ่มน้ำพุ่งกระจาย
ความต่างเล็กน้อยของทั้งคู่ทำให้โคไซตัสฉงนใจ
พวกมันไม่เข้ามาในระยะจู่โจมของเขาในเวลาเดียวกันซาสุริวมาเร็วกว่า คาดว่าศัตรูน่าจะมีแผนอยู่ในใจโคไซตัสรอการโจมตีของพวกมันอย่างใจจดใจจ่อ

ตัวแรกที่เข้ามาในระยะคือซาสุริว โคไซตัสไม่ปล่อยให้คลาดสายตา ฉงนสงสัยว่าเขาจะทำอะไร
ซาสุริวหยุดอยู่นอกระยะโจมตีจากดาบของโคไซตัส
“?Earth Bind?!”
เขาร่ายเวทย์

โซ่ดินโคลนจำนวนมากลอยเข้าหาโคคิวตัส ซาริวสุอาศัยโอกาศนี้พุ่งเข้าใส่ เพื่อให้ยากต่อการเดาระยะโจมตีของเขาซาริวสุซ่อนฟรอสเพนไว้ด้านหลัง
ซาสุริวที่ประกาศว่ามานาของเขาหมดสิ้นก็เพื่อจะเป็นเล่ห์กลหลอกโคไซตัส ถ้าหลงกลโคไซตัสอาจจะถูกเหนี่ยวไว้ด้วยโซ่เวทย์มนต์และโดนโจมตีจากซาริวสุผู้ที่ทำการโจมตีจากทางด้านหลัง
ไม่ว่าโครงภายนอกของโคคิวตัสจะแข็งซักเพียงใด ซาริวสุน่าจะสามารถโจมตีทะลุได้ด้วยการใช้พลังทุกอย่างที่เท่าที่มีสู่การจ้วงแทงครั้งนี้ ซาริวสุผู้ละการป้องกันทุกอย่างเพื่อมุ่งโจมตีจะต้องโจมตีได้อย่างรุนแรงเป็นแน่
เขาดูจะมั่นใจในดาบของเขา

โคไซตัสเข้าใจเขา ก็เหมือนกับเขาโคไซตัสเองก็มีความรู้สึกหนักแน่นให้แก่อาวุธของตัวเขาโดยเฉพาะดาบในมือของเขาตอนนี้---เขามีความรู้สึกเปี่ยมล้นให้แก่อาวุธชิ้นนี้ที่เคยถูกใช้มาก่อนโดยผู้ที่สร้างเขา นั่นเป็นเหตุว่าทำไมโคไซตัสจึงเลือกใช้ดาบเจ้าพิฆาตเทวะโดยไม่สนความห่างชั้นกันในความสามารถเชิงบู๊เพื่อเป็นการแสดงความเคารพสูงสุดของเขา

อย่างไรก็ตาม พวกมันคิดผิดอยู่อย่าง คู่ต่อสู้ของพวกมันในยามนี้คือโคไซตัส ผู้พิทักษ์ชั้น5ของนาซาริค
“....เวทย์ที่ร่ายโดยพวกที่เลเวลต่ำกว่าข้าไม่สามารถทะลุการป้องกันของข้าได้”
โซ่โคลนกระเด้งออกก่อที่จะเข้าถึงกายของโคคิวตัส ร่วงหล่นไปสู่พื้นราวกับแผ่นโคลน เวทย์ระดับต่ำไหนเลยจะทะลุการป้องกันเวทย์ของโคคิวตัสไปได้

“— ?Icy Burst?!” ระเบิดน้ำแข็ง
พร้อมกับเสียงกู่ร้องจากด้านหลัง โคไซตัสถูกปกคลุมรายล้อมไปด้วยหมอกขาวๆ

ความพยายามอันเปล่าประโยชน์

โคไซตัสที่มีการต้านทานการโจมตีแบบเย็นอย่างสมบูรณ์แบบ โอบรับไอเย็นอย่างสบายอารมณ์รอให้ซาริวสุและซาสุริวเข้ามาในระยะ

เพียงลมหายใจเดียว ช่วงที่เขารอคอยก็มาถึง แต่โคไซตัสลังเลเล็กน้อยคิดสงสัยอยู่ว่าแค่ตัดหัวยังไม่พอที่จะหยุดพวกมัน
การเผชิญหน้าซาริวสุที่ละทิ้งการป้องกันของตัวเอง การตัดหัวอาจจะไม่สามารถหยุดการโจมตีได้ ภาพของร่างไร้ศรีษะพุ่งเข้าหาตัวเขาปรากฏในใจของโคคิวตัส ถ้าเป็นเช่นนั้นเขาจะจัดการแขนก่อนแล้วค่อจัดการที่หัว
ไม่นั้นยังไม่ใช่การฆ่าที่สะอาดหมดจดนัก ข้าจะพิชิตมันในการโจตีเพียงครั้งเดียว
การพุ่งเข้าหาอันบ้าระห่ำของซาริวสุช้าเกินไปสำหรับโคไซตัส
ร่างสีดำที่มองเห็นได้อย่างลางเลือน---ดาบที่ถูกตวัดออกมาโดยซาริวสุ ถูกคีบไว้ด้วยนิ้วของโคคิวตัสเหมือนที่ทำมาเมื่อครู่

โคไซตัสไม่รู้สึกถึงความเย็นที่ตรงปลายนิ้ว ซาริวสุอาจจะรู้ว่ามันไร้ประโยชน์กับโคคิวตัสจึงไม่ใด้ใช้ความสามารถนั้น
การจู่โจมที่ยากจะหยั่งคาดอันรวดเร็วถูกป้องกันอย่างง่ายดายโดยโคไซตัส ทำให้โคไซตัสสงสัยนัก แต่ความสงสัยนั้นอยู่เพียงชั่วครู่ เขาสามารถที่จะเอาชัยคู่ต่อสู้ด้วยการแกว่งดาบของเขาเพียงครั้งเดียว ไยต้องคิดอะไรให้มากความ
และจากนั้นมันก็จะเหลือเพียงแค่ตัวเดียว
สุดท้ายก็แค่การพุ่งเข้าใส่โง่ๆ
โคไซตัสที่กำลังผิดหวังเตรียมจะฟาดดาบของเขาลงมา แต่เขาต้องเปลี่ยนความคิด
เข้าใจล่ะ

“ว้ากกกกก”
พร้อมกับเสียงกู่คำรามดาบขนาดใหญ่แหวกผ่านหมอกน้ำแข็งออกมา ซาสุริวฟาดดาบผ่านหมอกอย่างรุนแรงจนสามารถกวาดไล่หมอกออกไป
จะเป็น พันธนาการดิน การโจมตีของซาริวสุ หรือ ระเบิดน้ำแข็ง ทั้งหมดเป็นแค่เหยื่อล่อ

โคไซตัสอาจต้องกังวลกับการจ้วงแทงจากฟรอสเพนแต่ภัยจากดาบใหญ่ของซาสุริวนั้นหนักกว่า นี่น่าจะเป็นจุดมุ่งหมายที่แท้จริงของศัตรู แต่ว่า
“ถ้าเจ้าอยากจะลอบโจมตี......เจ้าต้องทำมันเงียบๆ”

ถ้าพวกมันไม่สามารถเก็บเสียงฝีเท้าตอนวิ่งในน้ำได้ มันก็ไม่ใช่การลอบโจมตีซ่ะแล้ว โคคิวตัสรู้สึกงง มันคุ้มกับการบาดเจ็บจากระเบิดน้ำแข็งหรือ? หรือว่าพวกมันแค่พยายามกระเสือกกระสนอย่างไร้ค่า
แต่ข้อเท็จจริงก็คือศัตรูอยู่ในระยะโจมตีของเขา
อาวุธเพียงชิ้นเดียวของซาริวสุถูกหยุดไว้ ทำให้เขาไร้หนทางสู้ นี่ก็แค่การเปลี่ยนลำดับที่โคไซตัสจะฆ่าเท่านั้น หลังจากคิดได้อย่างนี้โคคิวตัสแกว่งดาบในมือของเขา

ฟาดเพียงครั้งเดียว
ดาบของซาสุริวแตกเป็นสอง แต่ก่อนที่ร่างของซาสุริวจะหล่นลงพื้น โคไซตัสถอนดาบออกวางแผนจะตามต่อไปที่ซาริวสุ

ในตอนนี้เอง นิ้วของโคคิวตัสที่หนีบดาบของซาริวสุไว้เกิดลื่น
โคไซตัสที่ประหลาดใจตรวจสอบนิ้วของตัวเอง สงสัยว่าทำไมดาบที่เขาคีบไว้ถึงลื่นออกไป
ในหมอกที่ปกคลุมทั่ว โคไซตัสสามารถเห็นได้ว่านิ้วของเขาและดาบฉาบทาอยู่ด้วยของเหลวสีแดง
ทันใดนั้น โคไซตัสเข้าใจแล้วว่าทำไมนิ้วเขาจึงลื่น------เลือด?

งง
โคไซตัสพยายามคิดย้อนไปว่าดาบของโคคิวตัสถูกชโลมตอนไหน และเข้าใจได้หลังจากที่เห็นหน้าของซาริวสุท่ามกลางหมอกควัน
เลือดที่ชโลมหน้าของซาริวสุไม่ใช่การทาหน้าออกศึก แต่เพื่อทาดาบของเขา
ระเบิดน้ำแข็ง ไม่ได้ใช้เพื่อทำลายโคคิวตัสหรือซ่อนตำแหน่งของซาสุริว มันถูกใช้ซ่อนเลือดบนดาบ นั้นเป็นเหตุว่าทำไมซาริวสุต้องซ่อนดาบไว้ด้านหลังตัวเองด้วย

เมื่อโคไซตัสหยุดการโจมตีของซาริวสุในครั้งแรก เขาใช้นิ้วคีบมันไว้ ซาริวสุจำได้และพนันกับโอกาศเล็กน้อยว่ามันจะเกิดขึ้นอีกครั้ง พยายามทำให้เกิดสถานการณ์นี้แบบสุดความสามารถ ราวกับไฟฟ้าแวบผ่านสมองของโคไซตัส
ตอนนั้นนั่นเอง!
มิน่าการโจมตีถึงได้เบาขนาดนั้น!
เหตุนั้นซิน่ะ!แผนใช้เลือดเพื่อที่จะได้ลื่นไม่ได้ผลตลอดเวลา ฉะนั้นมันจึงหลอกให้ตัวข้าหลงกลทำให้คิดว่าง่ายที่จะหนีบไว้ มันจึงได้ยั้งแรงเอาไว้

ดาบลื่นไหลช้าๆ เข้าไปใกล้ร่างสีฟ้าใสของโคไซตัส แม้แต่โคไซตัสก็ไม่อาจหยุดดาบที่ซาริวสุโถมเข้ามาด้วยทั้งน้ำหนักตัวและพละกำลังที่มีโดยอาศัยแค่นิ้วเปียกๆ2นิ้ว
ถ้าจุดที่เขาหนีบมันไว้ห่างไปอีกซักนิด โคไซตัสอาจจะสามารถทำอะไรได้บ้างแต่ระแค่นี้ มั้นไม่มีอะไรที่เขาจะทำได้

โคไซตัสรู้สึกปลาบปลื้มจนสั่นสะท้าน
มันต้องการโชคอยู่หน่อย แต่นี่เป็นการเดิมพันที่ต้องให้ทุกๆลำดับสำเร็จ ที่สำคัญ---มันจะเป็นไปไม่ได้ถ้าปราศจากซาสุริว
ซาสุริวอาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าแผนของซาริวสุคืออะไร แต่ผู้เป็นพี่เชื่อมั่นในน้องชายอย่างสุดหัวใจและยอมสละตัวเอง การลอบโจมตีอันไร้ความหมายและเสียงกู่ร้องคำรามก็เพื่อจะหันเหความสนใจให้ออกจากน้องชายของเขา
และมันเป็นเพียงแค่ชั่วครู่เดียวเท่านั้น

เพียงแค่เสี้ยวเดียวของช่วงเวลานั้น เมื่อซาริวสุดันฟรอสเพนออกไปสุดกำลังที่มี ขากรรไกรล่างของโคไซตัสได้ขยับออก
“อัศจรรย์----“
ดาบที่ฟันเข้าใส่โคไซตัสถถูกสะท้อนออกไปอย่างง่ายดาย ร่างที่มีสีฟ้าจางๆแววาวนั้นไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วย
นี้เป็นผลจากความแตกต่างด้านพลังระหว่างNPCที่เลเวลสูงสุดในนาซาริคกับลิซาร์ดแมน

“---ขออภัยที่ต้องพูด ข้านั้นมีความสามารถพิเศษที่สามารถป้องกันการโจมตีจากอาวุธระดับล่างได้เป็นการชั่วคราว หากข้าใช้ความสามารถนี้ การโจมตีของเจ้าเป็นอันไร้ความหมาย”
มันเป็นการโจมตีที่ยอดเยี่ยม แม้แต่โคไซตัสเองยังคิดว่าคู่ควรแก่การฝากรอยไว้บนร่างของเขาเพื่อเป็น สัญลักษณ์แห่งความเคารพต่อนักรบผู้นี้ อย่างไรก็ตามเขาไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ในฐานะของผู้พิทักษ์ที่สู้ศึกต่อหน้าท่านผู้สูงส่ง

โคไซตัสจงใจถอยหลังไปครึ่งก้าว จนโคลนกระจายแปดเปื้อนร่างกายสีฟ้าสวยงามของเขา
มันเป็นแค่การถอยเล็กๆ
การถอยไม่ได้มีความหมายอะไร ต่อให้ถอยหลังไปก็ไม่ได้มีผลกระทบอะไร ซาริวสุชะตาขาดและโคคิวตัสกำชัยเป็นแน่แท้
แต่การก้าวถอยนี้เป็นการแสดงความชื่นชมจากโคคิวตัสผู้แข็งแกร่งสุดขั้วต่อซาริวสุผู้อ่อนแอ

ซาริวสุยอมจำนนต่อโชคชะตา ด้วยรอยยิ้มที่สดใสบนใบหน้า ที่มีแต่ผู้ได้ทำจนสุดความสามารถแล้วจะพึงมี โคไซตัสฟันดาบเจ้าพิฆาตเทวะไปที่เขา--

ส่วนที่3
“การต่อสู้อันงดงาม”
ไอส์ชื่นชมโคไซตัสที่คุกเข่าอยู่ต่อหน้าเขา

“ขอบพระคุณ”

“มันเป็นเช่นนั้นก็จริง ข้าเชื่อว่าเจ้าเข้าใจแจ่มแจ้งว่าตอนนี้เรากำลังแสดงบทโหดกับพวกมันอยู่ แต่ข้าเชื่อว่าเจ้าจะต้องทำดีกับพวกมันนับจากนี้ไป จงอย่าเริ่มยุคแห่งความหวาดกลัว”

“ข้าเข้าใจ ขอรับ”

ไอส์พยักหน้าแล้วมองไปที่ผู้พิทักษ์คนอื่นๆที่อยู่ในห้อง
“เอาล่ะ เหล่าผู้พิทักษ์จงฟังดีๆ ข้าได้กล่าวไปแล้วในห้องบัลลังค์ว่าหมู่บ้านลิซาร์ดแมนจะถูกปกครองดดยโคไซตัส ถ้ามีอะไรที่โคไซตัสต้องการจงให้การสนับสนุนเขา โคไซตัสข้าหวังว่าเจ้าจะปลูกฝังความจงรักภักดีต่อนาซาริคลงในใจของพวกลิซาร์ดแมนได้..และจงให้การศึกษาชั้นสูงกับพวกมัน...ข้าปล่อยเรื่องพวกนี้ให้เจ้า..จงบอกข้าหากเจ้าต้องการไอเทมพิเศษอย่าง ขนนกของสรวงสวรรค์ ข้ายังจะให้เจ้ายืม ชุดเพิ่มกำลัง ในระหว่างนั้น”
ในเกมอิกดราซิล มันเป็นไปได้ที่จะเปลี่ยนเผ่ากลางคันแต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าจะเปลี่ยนได้ตามต้องการเสมอไป มันต้องทำตามเงื่อนไขบางอย่างให้สมบูรณ์และการเปลี่ยนนั้นไม่สามารถย้อนกลับได้

1ในเงื่อนไขก็คือไอเทมเฉพาะบางบางชิ้น ตัวอย่างเช่นหากจะเป็น lich ต้องอาศัย สมุดของผู้วายชนม์ จะเปลี่ยนเป็น impต้องการ เมล็ดพันธุ์ของผู้เสื่อมเสีย ส่วน ขนนกของสรวงสวรรค์ ที่ไอส์พูดถึงเป็นของที่ต้องใช้เวลาเปลี่ยนเป็นเทวดา
การเปลี่ยนคลาสอาจเป็นไปได้ในโลกนี้ นั่นเป็นเหตุว่าทำไมไอส์จึงอดไม่ได้ที่จะเสนอความคิดของเขา


“ข้าจะมาขอคำแนะนำจากท่านเมื่อเวลานั้นมาถึงขอรับท่านไอส์ ข้าขอรบกวนถามว่าท่านจะจัดการกับลิซาร์ดแมนพวกนั้นอย่างไร?”

“ตัวไหน?”

“ขอรับ ลิซาร์ดแมนสองตัวที่ชื่อว่าซาริวสุกับซาสุริว”
สองตัวที่สู้จนหยดสุดท้าย ซากของพวกมันน่าจะยังอยู่ที่เขตชุ่มน้ำ แต่แล้วไงล่ะ?
“ข้าเข้าใจแล้ว เก็บซากศพของพวกมันมา ข้าจะใช้ร่างของพวกมันเป็นวัตถุดิบสร้างพวกอันเดดด้วยความสามารถพิเศษของข้า”

“---นั่นออกจะน่าเสียดาย”

“ฮืมมมม เจ้าหมายความว่าอย่างไร? พวกมันมีค่าขนาดนั้นเลยหรือ?”
เมื่อไอส์มองการต่อสู้ผ่านกนะจกมองระยะไกล เขาเห็นว่าโคไซตัสเหนือกว่าอย่างชัดเจน ไม่มีอะไรอย่างอื่นให้น่าจดจำ”

“.....พวกมันอาจจะอ่อนแอ แต่ข้าสามารถเห็นจิตวิญญาณนักรบและความมุ่งมั่นไร้ความหวาดหวั่นแม้อยู่ต่อหน้าผู้เข้มแข็ง มันน่าเสียดายถ้าจะใช้เป็นวัตถุดิบ ข้าคิดว่าพวกมันสามารถแข็งแกร่งขึ้นได้อีกอาจจะมากมายกว่าที่เราคิดก็เป็นได้ ท่านไอส์ยังไม่ได้ทำการทดลองเกี่ยวกับการชุบชีวิตคนตาย ถ้าอย่างไรไม่ลองทดสอบกับพวกมันดูขอรับ?”

…เขาชอบลิซาร์ดแมนพวกนั้นงั้นหรือ?
ว่ากันตรงๆ ไอส์ไม่รู้ว่าจะรู้สึกยังไงแมื่เขาได้ยินคำว่าจิตวิญญาณนักรบ เขาเคยผ่านตาพวกคำอย่างจิตสังหารในนิยายและมังกะ แต่ไม่ได้คิดอะไรกับมันมากนัก มันก็เหมือนตอนที่ไอส์ได้เตือนนาเบรัลเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้และเธอพูดว่า “อ่า,ค่ะ ,เข้าใจแล้วค่ะ ,โอ---”ความรู้สึกแบบนั้นนั่นแหละ แบบเดียวกันความรู้สึกที่มีต่อกันระหว่างพวกนักรบเป็นบางสิ่งที่ไอส์ไม่เข้าใจ
นี่เป็นเพราะไอส์อาจจะมีสภาพเป็นแบบนี้ตอนนี้แต่ข้างในดั้งเดิมก็แค่พนักงานกินเงินเดือนธรรมดา ถ้าคนธรรมดาที่เกิดในญี่ปุ่นเข้าใจจิตวิญญาณนักรบ นั่นซิจะเป็นเรื่องอันตราย ถ้าเป็นจิตวิญญาณของพนักงานกินเงินเดือนชั้นเลิศเขาอาจจะพอเข้าใจได้บ้าง
“เข้าใจล่ะ...ก็ดูจะเสียเปล่าอยู่”

แต่ที่ไอส์คิดสงสัยจริงๆคือ “ต่อให้บอกว่ามันน่าเสียดายก็เถอะ ฉันไม่เห็นเข้าใจเลย”
แต่พอสงบจิตสงบใจคิดดูแล้ว โคไซตัสก็มีเหตุผลอยู่

เขาคิดจะทำการทดลองชุบชีวิตที่ไหนซักที่อยู่แล้ว และไอส์รู้สึกว่าการใช้พวกมันมาทดลองมีผลดีอยู่มาก และเมื่อเทียบกับโคไซตัสที่ค่อนข้างทึ่มในห้องบัลลังค์แล้ว เขาย่อมสามารถยื่นข้อเสนอที่ชัดเจนแจ่มแจ้งได้ ถ้านี้เป็นเครื่องหมายแสดงพัฒนาการแล้วล่ะก็ฌ โคไซตัสผ่านอย่างไม่ต้องสงสัย

หลังจากคิดอยู่ซักพัก ไอส์นึกขึ้นได้ว่าเขามีลูกน้องที่ยอดเยี่ยมตั้งมากมาย
เขาถามเหล่าลูกน้องผู้ที่ยืนรายล้อมเงียบๆในแบบที่ข้ารับใช้ควรจะทำ
“อัลเบโด้ บอกข้าถึงความเห็นของเจ้ามา”
“ความคิดของดิฉันก็เช่นเดียวกับท่านไอส์”
“...เดมิเอริกเจ้าคิดว่าไง?”
“กระผมคิดว่าท่านไอส์ถูกต้องแล้วขอรับ”
“.....แชลเทียร์ เจ้าล่ะ?”
“ดิฉันก็เหมือนกับเดมิเอริกและรอคำตัดสินของท่านไอส์ค่ะ”
“.....ออร่า”
“ค่ะ ฉันก็คิดเหมือนทุกคนเช่นกัน”
“...............มาเร่”
“เอิมๆๆๆๆ ผมก็คิดเหมือนกัน”
คำตอบของพวกเขาเหมือนกับไม่ได้ตอบอะไรมาเลย ทำเอาไอส์ถึงกับปวดหัว

หลังจากคิดดูแล้ว ไอส์ก็ได้ข้อสรุป บางทีจากมุมมองของพวกผู้พิทักษ์ พวกเขาไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องใหญ่อะไร ซึ่งหมายความว่ามันคงจะไม่มีผลกระทบใหญ่โตอะไรไม่ว่าเขาจะตัดสินยังไงก็ตาม
นั่นก็ขึ้นอยู่กับสภาพการณ์ของพวกผู้พิทักษ์ มันอาจจะมีปัญหาได้ถ้าสถานการณ์เปลี่ยนแปลง
พูดง่ายๆ เมื่อกลุ่มคนเล็กๆบอกว่าร้อยล้านเป็นเงินเล็กน้อย มันจะมีปัญหาว่าข้อมูลนั้นน่าเชื่อถือแค่ไหน นี่เป็นความต่างในการรับรู้มูลค่า
พูดไปก็เท่านั้น....เอาเถอะเราก็พอจะถือได้ว่าชุบชีวิตพวกมันไปก็ไม่มีปัญหาล่ะมั้ง? เราต้องคิดวางแผนทบทวนให้มันรอบคอบมากขึ้นอีก ช่วงหลังๆเราทำพลาดบ่อยไปแล้ว

ไม่มีตัวเลือกอื่น ไอส์ต้องชั่งน้ำหนักผลดีผลเสียเอาเอง
“....พวกเราตัดสินใจปกครองเหนือพวกลิซาร์ดแมน แต่พวกมันมีผู้แทนที่เหมาะสมไหม? หรือมีกลุ่มที่พอจะเป็นตัวแทนของพวกมันไหม?”

“ไม่ขอรับ แต่พวกมันมีผู้แทนที่เหมาะสมอยู่”

“โอ? ใครกันล่ะ?”

“ลิซาร์ดแมนสีขาวที่ไม่ได้เข้าร่วมในศึกเมื่อครู่ขอรับ นางดูจะมีพลังของพวกดูริด”

“โอ คนนั้นนั่นเอง! ฮืมมม น่าจะใช้ได้...”
ถ้าเป็นนาง เธอสามารถเอามาใช้ประโยชน์ได้— ไอส์คิด เขาสามารถใช้เธอคอยสอดแนมได้
อย่างไรก็ตาม การทำตามความคิดที่ไอส์มีอยู่ในใจอาจจะทำให้โคไซตัสที่จะปกครองพวกลิซาร์ดแมนลำบากใจได้ เช่นนั้นเขาควรจะทำอย่างไร? ไอส์เกิดฉุกคิดอะไรเด็ดๆขึ้นมาได้ทันทีทันใด
…ไม่เร็วกว่าเหรอถ้าจะถามไปเลย? ถึงตอนนี้ฉันเพิ่งจะไม่ได้คำตอบที่มีประโยชน์เลยอะไรก็เถอะ

ไอส์แบ่งปันแผนการของเขากับโคไซตัส และโคไซตัสได้แสดงท่าทีตอบรับ
มันยากที่จะตัดสินว่าโคคิวตัสพูดเช่นนั้นเพื่อให้เหมาะสมกับเจ้านายของเขา แต่เดมิเอริกและอัลเบโด้ไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไรแปลกๆออกมาตอนที่เขาชำเลืองมองไปที่พวกนั้น นี้ทำให้ไอส์สบายใจและทำให้เขามั่นใจว่านี่ไม่น่ามีปัญหาอะไร
“ดีมาก เจ้าต้องการเวลานานแค่ไหนกว่าจะพาเธอมาได้?”

“ขออภัยในความอวดดี ข้าคิดว่าท่านไอส์จะต้องถามถึงเธอ ฉะนั้นเลยได้สั่งให้เธอรอในห้องข้างๆแล้ว”

ไอส์ไม่สามารถห้ามไม่ให้มองไปที่เดมิเอริกได้และเห็นเขาสั่นศรีษะ
เยี่ยมไปเลย เขาจัดการได้ดี โดยไม่ต้องมีคำสั่งและดูท่าจะไม่ได้เป็นความคิดของคนอื่นด้วย
นี่ต้องเป็นความรู้สึกที่ผู้บังคับบัญชารู้สึกเวลาเห็นลูกน้องเติบโตสมดังที่วาดหวังเป็นแน่ ไอส์คิดพร้อมกับใบหน้าที่แสดงความพึงพอใจ แต่เพราะหัวเขาเป็นกระโหลกดังนั้นมันเลยไม่ได้ขยับไปจริงๆ

“ไม่ไม่เลย ทำได้ดีโคไซตัส การใช้เวลาโดยเปล่าประโยชน์มันเป็นเรื่องโง่ๆ การตัดสินใจของเจ้านั่นถูกต้อง ถ้าอย่างนั้น จงนำเธอมา”

“เอิม...รอก่อนค่ะ!”

“อะไรหรือออร่า?”

“ฉันไม่คิดว่าที่โกโรโกโสแบบนี้จะดีพอ ถึงแม้เราจะต้อนรับผู้ที่กำลังมายอมอ่อนน้อมต่อเราก็เถอะ มันแย่เกินไปสำหรับสถานะของท่านไอส์ ฉันคิดว่าการพบปะน่าจะไปทำที่ท้องพระโรงของนาซาริค”
ผู้พิทักษ์ทุกคนยกเว้นมาเร่ผงกศรีษะเห็นด้วย

“....ขออภัย กระผมลืมคิดถึงจุดนี้ ขออภัยด้วยขอรับ!” (น่าจะโคไซตัส)

“อ่าห์.....”
ไอส์ไม่เคยคิดเรื่องนั้น เขาเลยคิดหาทางตอบกลับ ทันใดนั้นเขาก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ ถ้าอย่างนั้น----

“---ออร่า”
“ค่ะ!”
“ข้าเคยบอกเจ้าแล้วว่าที่แห่งนี้ที่เจ้าสร้าง ที่ที่เต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกของเจ้า มันเป็นที่ที่ดีเทียบเท่านาซาริคใช่ไหม? ข้าหมายความอย่างนั้นจริงๆ โคไซตัสพาเธอเข้ามา ข้าจะต้อนรับนางที่นี้”
“ท่า- ท่านไอส์!”

“ออร่า พอแล้ว”
“อัลเบโด้ !”
ออร่าประท้วงหน้าดำหน้าแดงพูดว่า”หยุดฉันทำไมล่ะ?” อย่างไรก็ตาม อัลเบโด้ชำเลืองมาที่ออร่าเล็กน้อยก่อนจะเมินเธอแล้วจับจ้องไปที่ประตู คนที่ตอบคำถามของออร่าที่ตื้นตันไปด้วยอารมณ์คือเดมิเอริก

“ทุกอย่างที่ท่านไอส์พูดคือกฏหมาย ในเมื่อท่านไอส์บอกว่าที่นี่ดีเทียบเท่านาซาริค—“
“— มันก็เป็นเช่นนั้น”
แชลเทียร์เสริมต่อ

ฉันก็ไม่ได้คิดว่าคำของฉันเป็นกฏเหล็กหรอกน่ะ ถึงจะไม่อยากให้มองแบบนั้นก็เถอะ..แต่ครั้งนี้มันช่วยไว้ได้มากเลย
“ออร่า ข้าจะพูดอีกครั้ง ในฐานะของลูกน้องที่ข้าเชื่อถือมากที่สุด 1 ในเหล่าผู้พิทักษ์ ที่นี่ที่เจ้าทุ่มเทแรงกายแรงใจอย่างมากเพื่อสร้างอยู่ในระดับเดียวกับนาซาริค มันเป็นจริงอย่างนั้นแม้ในยามที่กำลังก่อสร้างอยู่...เจ้าเข้าใจใช่ไหม?”

“...ท่านไอส์ ขอบคุณมากๆค่ะ”
ออร่าโค้งศรีษะลงและเหล่าผู้พิทักษ์ก็ทำเช่นเดียวกัน
มันไม่จำเป็น....ต้องใส่อารมณ์ขนาดนี้...น่าอายจัง

“เอาล่ะ พาเธอเข้ามา โคไซตัส”

“ขอรับ!”
เพียงเวลาไม่นาน โคคิวตัสได้นำลิซาร์ดแมนเผือกเข้ามาในห้อง
ลิซาร์ดแมนคุกเข่าลงต่อหน้าไอส์แล้วก้มจรดศรีษะลงที่พื้น

“บอกชื่อของเจ้ามา”

“ค่ะ ท่านเจ้าเหนือหัวแห่งความตายผู้สูงส่ง ไอส์โอวกูล ดิฉันเป็นผู้แทนของชาวลิซาร์ดแมน ครูช ลูลู่"”
ตำแหน่งอันน่าเหลือเชื่ออะไรกั่นเนี่ย เขากำลังสงสัยว่าใครกันที่มันคิดชื่อตำแหน่งนี่ขึ้นมา แต่ไอส์ได้ปฏิบัติราวกับกษัตริย์ผู้เงียบขรึมแล้วกล่าวว่า
“...ฮืมมมม ยินดีที่ได้พบ”

“ค่ะ ท่านกูลได้โปรดกรุณารับคำปฏิญาณแห่งความภักดีของพวกเราลิซาร์ดแมนด้วย”

“ฮืมมม...”
ไอส์เพ่งพินิจไปที่ครูช
เกล็ดพวกนั้นสวยงาม มันสะท้อนแววาวภายใต้แสงจากตะเกียงเวทย์มนต์ สงสัยจังว่ามันจะรู้สึกยังไงถ้าได้ลองจับ ไอส์รู้สึกสงสัยขึ้นมาแบบเชิงวิชาการ

เมื่อเขาเพ่งพิจารณา เขาเห็นว่าไหล่ของครูชสั่นไหวอยู่ โคไซตัสน่าจะยกเลิกการใช้ความสามารถรัศมีเยือกแข็งไปแล้ว ฉะนั้นมันน่าจะเป็นเพราะเหตุผลอื่น
ไอส์คิดซักพักแล้วก็พบคำตอบ มันค่อนข้างเด่นชัด
ถ้าเธอทำให้ไอส์ไม่พอใจ ลิซาร์ดแมนทั้งหมดจะถูกกวาดล้างสังหาร นั่นเป็นเหตุว่าทำไมเธอจึงระมัดระวังในคำพูดของเธอ สำหรับครูชผู้ที่อยู่ใต้แรงกดดันที่ทาโถมรุนแรง ไอส์ที่เงียบจนไม่เป็นธรรมชาติได้เพาะเมล็ดพันธุ์แห่งความหวาดกลัวขึ้น

ไอส์ไม่ได้มีงานอดิเรกในการรังแกผู้อ่อนแอ แต่ถ้ามันเป็นไปเพื่อประโยชน์ของมหาสุสานแห่งนาซาริค เขายินดีที่จะทำทุกอย่างไม่ว่าจะเลวร้ายแค่ไหน แต่เขาจะไม่ทำการทำลายล้างโดยไม่จำเป็น
“ลิซาร์ดแมนจะอยู่ใต้การปกครองของข้า อย่างไรก็ตามโคไซตัสจะเป็นคนที่ปกครองแทนข้า มีอะไรค้านไหม?”

“---ไม่มีค่ะ”

“แค่นั้นล่ะ เจ้าไปได้”

“เอะ? แค่นี้เองหรือ?”
ครูชพูดด้วยน้ำเสียงตกอกตกใจทั้งที่ยังก้มอยู่ เหมือนคนที่ถูกมอบหมายคำขอที่ไร้เหตุผลจนพร้อมจะเป็นบ้าได้ทุกเวลา

“ครูช ลูลู่ บัดนี้พวกลิซาร์ดแมนของเจ้าจะได้ต้อนรับยุคสมัยแห่งความรุ่งเรือง ลิซาร์ดแมนรุ่นต่อๆไปในอนาคตจะต้องขอบอกขอบใจกับการได้เป็นข้าใต้ร่มเงาของข้า”

“พวกเราไม่กล้าอาจเอื้อมหรอกค่ะ พวกเรารู้สึกขอบพระคุณเป็นล้นพ้นอยู่แล้วที่ท่านผู้สูงส่งมอบความเมตตาแก่พวกเราหลังจากที่พวกเราต่อต้านด้วยกำลัง”

ไอส์ลุกขึ้นจากบัลลังค์อย่างช้าๆ เขาเดินไปที่ด้านข้างของครูช ย่อตัวลงแล้ววางมือไว้ที่ไหล่ของครูช
ไอส์รู้สึกได้ถึงการสั่นสะทือนจากกายของครูช
“ข้ามีหน้าที่พิเศษให้เจ้า”

“ในฐานะของข้ารับใช้ผู้ซื่อสัตย์ของท่านกูล ข้าจะทำทุกอย่างที่สามารถทำได้”

“ไม่ใช่ในฐานะข้ารับใช้ ข้าอยากให้เจ้าทำอะไรบางอย่างให้ข้า---แลกกับการชุบชีวิตของซาริวสุ”
หลังจากพูดชื่อที่เขาได้ยินมาจากโคคิวตัส ครูชเงยหน้าขึ้นมาทันที หน้าของเธอบิดเบี้ยวจากความตกใจ
ด้วยความยินดีจาก‘แจ็คพอต’นี้ ไอส์ยังคงสำรวจครูชต่อไป เธอคงจะพยายามซ่อนมันไว้แต่ท่าทางเธอกำลังสั่นไหว มันยากที่จะตัดสินอารมณ์ของเธอเพราะการแสดงสีหน้าแตกต่างจากมนุษย์มาก แต่มันก็เผยเงื่อนงำบางอย่างได้

“เรื่องอย่างนั้นมัน...”

“ข้าคือผู้ควบคุมชีวิตและความตาย สำหรับข้าแล้วความตายก็แค่อีกสภาวะของความเป็น”
เมื่อได้ยินเสียงของครูชที่สั่นไหวอยู่ ไอส์ได้ตอบออกไป
“กับยาพิษและการเจ็บไข้ก็เช่นเดียวกัน แต่ข้าไม่อาจยืดอายุขัยของสิ่งมีชีวิตได้”
มันอาจจะเป็นไปไม่ได้ถ้าใช้วิธีทั่วไป แต่กับเวทย์ระดับสุดยอด “อธิษฐานต่อดวงดาว” มันอาจจะสามารถทำได้....ถึงมันอาจจะเป็นไปได้ก็เถอะ ดีกว่าที่จะไม่พูดออกไป

“...ท่านต้องการอะไรจากข้าผู้เป็นทาสอันต่ำต้อยหรือค่ะ?......ร่างกายของข้าหรือ?”

ไอส์พูดไม่ออก
“ไม่ นั่นมันเกิน...”
สัตว์เลื้อยคลานก็ดูจะเกินไปหน่อย ไอส์อยากจะถอยหนีในทันใด แต่เขาฝืนตัวเองเล่นบทบาทของเขาต่อไป ส่วนเสียงกัดฟันที่มาจากที่ไหนสักแห่งเขาจะเมินมันไปก่อนในตอนนี้
“แค่กๆ! ไม่ใช่ ก็แค่เรื่องง่ายๆ ข้าอยากให้เจ้าคอยจับตาดูว่ามันจะมีพวกลิซาร์ดแมนที่คิดจะก่อกบฏหรือเปล่า”

“มันไม่มีลิซาร์ดแมนเช่นนั้นหรอกค่ะ”

ไอส์หัวเราะกับคำตอบอันมั่นอกมั่นใจของครูช
“ข้าไม่โง่พอที่จะทึกทักเอาอย่างนั้นข้าไม่คุ้นเคยกับวิธีคิดของพวกลิซาร์แมน แต่เอาพวกมนุษย์เป็นตัวอย่าง การทรยศเป็นเรื่องทั่วๆไป นั่นเป็นเหตุว่าทำไมข้าต้องการสายไว้ภายในเพื่อคอยตรวจดูเรื่องต่างๆ”

อีกครั้งที่ครูชกลับไปทำหน้าปั้นยาก ทำให้ไอส์แอบตระหนกอยู่ในใจ สงสัยว่าข้อตกลงล้มเหลวหรือเปล่า มันมีแผนสำรองที่ไม่เกี่ยวกับการชุบชีวิตซาริวสุอยู่แต่ที่จะทำเพราะมันเป็นเป้าหมายในการผูกมัดครูชด้วยบุญคุณ นี่เขาควรจะทำอย่างไรดีถ้า ณ จุดนี้เธอปฏิเสธเขาขึ้นมา?

ฉันไม่น่าจะโลภมากแล้วเสี่ยงถามไปทีเดียวเลย... นี่ซิน่ะที่เค้าว่าอย่าไปเสียดายกับความผิดพลาดที่ยังไงก็แก้อะไรไม่ได้แล้ว
“ตรงหน้าเจ้าคือโอกาศแห่งปาฏิหาริย์ แต่โอกาศนี่ไม่ได้อยู่ตรงนี้ตลอดเวลา ถ้าเจ้าไม่คว้ามันไว้ทันทีทันใดมันจะหายลับไปตลอดกาล

พร้อมอาการสั่นสะท้าน ท่าทางของครูชขยับราวกับเป็นตะคริว
“ข้าจะไม่ใช้พิธีกรรมที่รบกวนใจอะไร คาถาชุบชีวิตมีอยู่ในโลกนี้ใช่ไหม? นั่นล่ะที่ข้าจะใช้”

“นั่นเป็นตำนาน....”

อยู่ตรงหน้าครูชที่รั้งคำของเธอกลับไปไอส์แสดงท่าทางอันเย่อหยิ่งแล้วกล่าวอย่างอ่อนโยน
“ครูช อะไรคือสิ่งที่สำคัญสุดสำหรับเจ้า? ข้าอยากให้เจ้าทบทวนดู”
จากที่ไอส์สำรวจดูตาของครูชเริ่มแสดงความสั่นไหว ประดุจราวกับว่าเขากำลังเห็นภาพของการเกลี้ยกล่อมหว่านล้อมลูกค้าในการพบปะทางธุรกิจ

ถัดไป ไอส์ต้องทำให้ครูชเข้าใจว่าปาฏิหาริย์นี้ไม่ใช่ของฟรี การให้อะไรไปฟรีๆรังแต่จะทำให้อีกฝ่ายระแวง แต่พวกเขาจะยอมรับได้ดีกว่าถ้ามันจะมีการเรียกร้องเอาเงินในราคาที่สมควรด้วย
“ข้าแค่ต้องการให้เจ้าเฝ้าดูพวกพ้องลิซาร์ดแมนของเจ้าจากในเงามืด ขึ้นอยู่กับสถานการณ์เจ้าอาจต้องตัดสินใจในสิ่งที่ทำใจลำบาก เพื่อป้องกันการทรยศ ข้าจะร่ายเวทย์พิเศษยังเจ้าซาริวสุที่ถูกชุบชีวิต ถ้าข้าคิดว่าเจ้าทรยศข้าข้าจะกำจัดเขาในทันใด มันอาจจะฟังดูลำบากสำหรับเจ้าแต่การชุบชีวิตของซาริวสุไม่ใช่สิ่งที่เจ้าจะสามารถได้มาอย่างเท่าเทียมกัน ใช่ไหมล่ะ?”

ที่จริงแล้ว มันไม่มีเวทย์ทำนองนั้นหรอก
ไอส์แสดงท่าทางเหมือนกับว่าได้พูดทุกอย่างหมดสิ้นแล้วจึงลุกขึ้นช้าๆ จากนั้นเขาได้อ้าแขนออกมา ไอส์มองไปที่ครูชที่กำลังขัดแย้งในใจ

“จริงซิฝากบอกประโยคนี้กับซาริวสุที่ถูกชุบชีวิตขึ้นมาด้วย ข้าชุบเขาขึ้นมาเพราะเขามีประโยชน์กับข้า ข้าสัญญาว่าจะไม่เอ่ยชื่อของเจ้า ฉะนั้น ครูช ลูลู่ เลือกซ่ะตอนนี้ นี่เป็นโอกาศสุดท้ายของเจ้าที่จะได้รับซาริวสุผู้เป็นที่รักกลับมา เจ้าจะว่าอย่างไร?เอาหรือไม่เอา?เลือกซ่ะ”
ไอส์ยื่นมือออกไปหาครูชอย่างช้าๆ ในเวลาเดียวกันก็ได้บอกกับพวกผู้พิทักษ์ว่า
“อย่าทำอะไรแม้ว่านางจะปฏิเสธ----เอาล่ะ พร้อมจะให้คำตอบหรือยัง? ครูช ลูลู่?”

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น