หน้าเว็บ

วันพฤหัสบดีที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

Re:Monster : DAY : 89-92

DAY 89

วันพรุ้งนี้ก็จะถึงวันกำหนดการ การออกเดินทางครั้งแรกของพวกเราทั้ง 6 คน

ในระหว่างทำการสำรวจรวบรวมข้อมูลเส้นทางการเดินทางในบริเวณรอบๆ พวกเราเองก็ได้ล่ามอนเสตอร์เพิ่มค่าประสปการณ์เป็นโบนัสไปในตัว แต่ผมต้องยอมรับว่า เหตุผลใหญ่สุดในการออกเดินทางครั้งนี้ เพราะป่าแห่งนี้มันเริ่มจะหมดความท้าทายและค่าประสปการณ์ที่ได้จากการล่าก็น้อยซะจนน่ารันทดแล้วน่ะสิ





ผมกังวลนิดหน่อยจึงทำการสำรวจเส้นทางที่จะไปถึงที่หมายและความเป็นไปได้ที่จะเจอกับพวกศัตรูที่เก่งๆ ตัวผมเองไม่มีความจำเป็นที่กังวลว่าจะโดนดักปล้นโจมตีระหว่างทาง แต่มันก็จะเป็นปัญหาถ้าหากว่ารถม้าของพวกเราเกิดความเสียหายในระหว่างการเดินทาง

แน่นอน ในการออกเดินทางครั้งนี้ผมไม่ได้ไปแค่กับพวกสาวๆทั้งห้าคน ในแต่ละกลุ่มจะมีจำนวนคนเดินทางราวๆ 5-10 คน ไม่นับรวมพวกสัตว์เลี้ยง



จำนวนสมาชิกที่ติดตามพวกเรามา

กลุ่มที่หนึ่ง คือกลุ่มของผมเอง มี แดมมิจัง สาวน้อยผมแดง และ สาวๆมนุษย์คนอื่นๆ และ ลอร์ด อีกสามตน

กลุ่มที่สอง มีออก้อคิจิคุง อสุเอะจัง ฮ๊อบก๊อบบลินคลิริคหนึ่ง มนุษย์สาม และ โคบอลฟูตแมนอีกสี่

กลุ่มที่สาม พวกเรามี บูระซาโตะซัง ซุปเซซัง เอลฟ์สาม มนุษย์หนึ่ง ฮ๊อบก๊อบบลินสาม และ ฮ๊อบก๊อบบลินคลิริกอีกหนึ่ง

กลุ่มที่สี่ จะมี Ogres สอง ฮ๊อบก๊อบบลินเมจหนึ่ง มนุษส์เสือสอง ดราโกนิวท์สอง และ มนุษย์อีกสามคน

กลุ่มที่ห้า จะมีโดโดเมะจัง Ogres ห้า มนุษย์สอง โคบอลซามูไร และ เซนทอร์หนึ่ง


ผมเลือกเส้นทางการเดินทางอย่างรอบคอบที่สุดด้วยตัวเองเพื่อหลีกเลี่ยงสถานการณ์อันตรายที่จะเกิดขึ้นในการเดินทางสู่จุดหมายของพวกเรา

ในตอนแรกก็ลังเลนิดหน่อยที่จะให้พวกที่เพิ่งมาใหม่ร่วมออกเดินทางไปกับพวกเราด้วย หลังจากที่เพิ่งจะเกิดเรื่องกันเมื่อไม่กี่วันมานี่เอง แต่หลังจากโดนผมปราบพยศ เรียกปรับทัศนคติ และกระบวนการอีกหลายๆอย่าง ผมแน่ใจว่าพวกนี้จะไม่ก่อความวุ่นวายให้กับพวกเราในเร็วๆนี้แน่นอน

ทางด้านสมาชิกก๊อบบลิน ก็ดูเหมือนว่าพวกก๊อบบลินรุ่นต่อไป มีแววได้เกิดขึ้นมาในระหว่างที่การเดินทางของพวกเรายังไม่เสร็จสะด้วยสิ

เอาล่ะวางเรื่องนั้นใว้ก่อน เนื่องในวันนี้เป็นวันก่อนที่เราจะออกเดินทาง และผมเองก้รู้สึกอยากจะผ่อนคลายสักหน่อย ผมได้เชิญท่านพ่อเอลฟ์มาเที่ยวบ่อน้ำพุร้อนด้วยกัน

ผมเชิญเขาไปยังส่วนรับรองแขกส่วนตัวที่ไม่มีคนอื่นมาใช้ร่วม ถึงอย่างนั้นผมก็พยายามทำให้ภาพลักษณ์มันเป็นบ่อน้ำพุร้อนที่ทุกคนสามารถเข้ามาใช้ได้ โดยปราศจากการแบ่งแยก และต้องการจะให้สถานที่แห่งนี้เป็นาถ่านที่ท่องเที่ยวที่เป็นที่นิยมแก่ทุกทุกคน

ท่านพ่อเอลฟ์นั้นประทับใจในบ่อน้ำพุร้อนเป็นอย่างมาก และเขาก็มีแผนที่จะไปบอกเล่าต่อๆให้กับเพื่อนๆชนชั้นสูงของเขาด้วยเช่นกัน

หลังจากนั้นอาหารชั้นเลิศจากสองสาวพี่น้องแม่ครัวก็ถูกนำออกมาเซิฟ ด้วยรสชาติแสนอร่อยและถูกจัดแต่งมาอย่างดีเยี่ยม ผมคิดว่ามันเป็นอาหารที่ผมชอบมากที่สุดจานหนึ่งของผมเลยล่ะ ( ผมคิดว่าผมจะเอามันเข้าเป็นหนึ่งในเมนูฟูลคอร์สของผมเลยล่ะ )


ปาตี้เล็กๆระหว่างเราเต็มด้วยความรื่นเริงและเสียงหัวเราะ โดยเฉพาะตอนที่ผมนำถึงเอลฟ์เวนไวน์ออกมา มันก็กลายเป็นงานเลี้ยงสังสรรค์เต็มรูปแบบ พวกเราจุดแคมป์ไฟขึ้นที่บริเวณลานฝึกด้านนอก และเต้นรำกันจนถึงกลางคืน


พวกสมาชิกใหม่และพรรคพวกดั้งเดิมของเรารวมตัวกันเข้าร่วมงานเลี้ยงสังสรรค์และแบ่งปันช่วงเวลาดีดีร่วมกัน มันช่างเป็นภาพที่น่ารื่นรมย์จริงๆ

ระหว่างที่มองภาพเหล่านั้น ผมก็ยกแก้วดื่ม.. ชนกับท่านพ่อเอลฟ์

" เชียร์ แด่มิตรภาพอันแน่นแฟ้น "


พวกเราดื่มด้วยกัน จนถึงเวลาที่ท่านพ่อเอลฟ์ลากลับ ผมส่งให้คนของเราเดินทางติดตามไปส่งท่านพ่อเอลฟ์เพื่อความปลอดภัยในเมื่อนี่มันก็ดึกแล้ว เขาดื่มแอลกอฮอร์ไปเยอะพอพอกับผมเลยล่ะ หลังจากเขากลับไปแล้ว และเมื่องานเลี้ยงจบลงพวกเราก็ทำการเก็บกวาดสถานที่ให้เรียบร้อย

ไม่นานหลังจากนั้นผมก็กลับไปพักผ่อนในห้องพักของตัวเองและหลับลง...

มันช่างเป็นวันที่ดีจริงจริง...

DAY 90

ในที่สุดวันนี้ก็เป็นวันที่พวกเราจะออกเดินทางกัน

ผมสร้างแบล็คสเกลตันไนท์เพิ่มขึ้นอีกหลายโหลเลย ซึ่งทำให้ในตอนนี้มีพวกมันอยู่เกือบ 100 ตัวภายในถ้ำ ดังนั้นถ้าไม่ใช่ระดับกองทัพบุกเข้าโจมตี ด้วยแบล็คสเกลตันไนท์บวกกับพรรคพวกที่เหลืออยู่ในถ้ำก็น่าจะสามารถจัดการปัญหาต่างๆได้แน่นอน

ผมได้เดินตรวจงานรายการพัฒนาฐานที่ตั้งของเราที่ต้องได้รับจากปรับปรุง ผมสั่งงานให้พวกฮ๊อบก๊อบบลินเลเวลสูงที่อยู่ที่ฐานทำงานพัฒนาฐานที่มั่นและมอบพวกโครงกระดูกมากกว่าครึ่งให้พวกนี้คอยใช้งาน เพื่อใช้ในการพัฒนาฐานของเรา แค่เพราะว่าผมไม่อยู่ที่ฐานไม่ได้แปลว่ากระบวนการพัฒฐานที่ตั้งของพวกเราจะต้องหยุดชะงัก

และสำหรับเหล่าเอลฟ์ เนื่องจากความสัมพันธ์อันเหนียวแน่นได้หล่อหลอมขึ้นมาจากการร่วมรบในสงคราม และการบอกกล่าวต่อๆกันถึงเรื่องบ่อน้ำพุร้อนที่ตอนนี้เป็นสถานที่ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก มีเอลฟ์จำนวนมากแวะมาเที่ยวอยู่ทุกวัน อาหารที่ดีที่สุดถูกเสิร์ฟทุกวัน แน่นอนว่าราคาก็ดีที่สุดเช่นกัน การดำเนินกิจการบ่อน้ำพุร้อนนั้นไม่ใช่งานที่ยากดังนั้นผมสามารถฝากฝังใว้ให้พวกฮ๊อบก๊อบบลินดูแลได้อย่างไม่มีปัญหา

มันก็ดีนะสำหรับนิสัยของผมที่ชอบเตรียมพร้อมให้มากที่สุดเสมอ


สำหรับตอนนี้ นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตใหม่ของผม ที่ผมกำลังจะเดินทางออกจากป่าแห่งนี้

ขณะนี้ทุ่งหญ้าและสายลมได้อยู่เบื้องหน้าของเรา ทุ่งกว้างสุดลูกตาช่างเป็นทัศนียภาพที่น่ายินดียิ่งนัก

เบื้อหน้าของเรา คือโลกที่เราไม่เคยรู้จักมาก่อน

เป้าหมายของพวกเราคือ เมืองป้อมปราการ ≪Trient≫ แห่งอาณาจักร Sternbild Kingdom!

DAY 91


เมื่อวานเย็น การพจญภัยออกจากป่าของพวกเราได้เริ่มต้นขึ้น และเนื่องจากม้าของพวกเรานั้นเป็นม้าโครงกระดูกที่ผมซัมม่อนมันขึ้นมา ดังนั้นพวกมันไม่มีคำว่าเหน็ดเหนื่อย พวกเราจึงสามารถเดินทางได้แบบไม่ต้องหยุดพัก ขบวนรถม้าโครงกระดูกหลายสิบตัววิ่งผ่านไปตามถนน ทำให้มันเป็นภาพของขบวนรถม้าที่น่าพิศวงทีเดียว ขนาดพวกเราเองก็ยังคิดว่ามันน่าสนใจเลยล่ะ ผมคิดว่าถ้าเรายังมุ่งหน้าต่อไปโดยไม่หยุดแบบนี้ และเลือกเส้นทางที่จะไม่ไปรบกวนหมู่บ้านระหว่างทาง เพราะภารกิจครั้งนี้ของพวกเราคือเดินทางผ่านทุกสิ่ง ทุ่งหญ้า ป่าไม้ ภูเขา และมุ่งหน้าไปยังสถานที่ที่ไม่รู้จักเพื่อที่จะไปยังเมืองป้อมปราการ ≪Trient≫ ไทรเอ็นท์ โดยพวกเราน่าจะมีเวลามากพอที่จะเดินทางไปถึงที่นั่นก่อนทีจะถึงกลางคืน


พวกเราควรจะเดินทางไปถึงที่นั่นเรียบร้อยแล้ว แต่เราตัดสินใจที่จะใช้เวลาตอนกลางคืนใกล้ๆกับหมู่บ้านแห่งหนึ่งในท้องทุ่ง ดังนั้นคืนนี้เราหยุดพักกันที่ทุ่งหญ้าใกล้ๆหมู่บ้านแห่งนี้

ชื่อของหมู่บ้านที่พวกเราอยู่ใกล้ๆนี้ชื่อ "Clute" คลิวท์ เป็นหมู่บ้านที่มีประชากรราวๆสามร้อยคน โดยสามารถพูดได้ว่ามีพื้นที่ที่ทำการเกษตรเพียงเล็กน้อย ที่เพียงพอจะดูแลประชากรในหมู่บ้านได้แค่เท่าที่จำเป็นอย่างน้อยที่สุด อืมมม จะว่าไปมันก็คล้ายๆกับบ้านเกิดของผมในสมัยผมเป็นมนุษย์อยู่เหมือนกัน ผืนป่าที่ผมเกิดมาในชีวิตใหม่นี้มีชื่อว่า <<Kuderun Large Forest>> ป่าใหญ่แห่งคูดีรัน ที่ซึ่งอุดมไปด้วยไม้คุณภาพสูง กระทั่งผู้ดูแลดันเจี้ยนของเวลเว็ตเอง ก็ได้บอกกับผมอยู่เหมือนกันว่า เนื่องจากมีความหนาแน่นของเวทมนต์จำนวนมากในพื้นที่ ผลผลิตบางอย่างที่ได้จากป่าแห่งนี้เลยมีพลังเวทมนต์อยู่ด้วย ซึ่งนิยมนำไปใช้สร้างเครื่องดนตรีเป็นอย่างมาก ซึ่งดูเหมือนว่าเมืองแห่งนี้ก็มีร้านค้าที่ทำมาหากินจากการขายเครื่องดนตรีเหล่านี้อยู่เหมือนกัน

ผมมุ่งหน้าไปยังร้านค้าเพื่อตอบสนองต่อความอยากรู้อยากเห็นของตนเอง ปรากฎว่าสินค้าเหล่านี้ช่างน่าประทับใจยิ่งนัก พวกมันแฝงไปด้วยพลังวิญญาณแห่งป่าไม้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าสินค้าพวกนี้เป็นผลผลิตสำคัญที่เป็นที่ยมในหมู่ชนชั้นสูงและคนรวยในประเทศนี้ สามารถเปรียบได้ว่าถ้าใครสักคนอยากจะเป็น [Job-Bard] นักกวีที่มีชื่อเสียง พวกเขาสามารถก้าวไปเป็นคนมีชื่อเสียงได้โดยง่ายหากเพียงมีเครื่องดนตรีเหล่านี้เลยทีเดียว



โดยดั้งเดิมแล้วพื้นที่แห่งนี้ไม่มีอะไรเป็นเพียงทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ จนกระทั่งไม่กี่สิบปีที่ผ่านมา เริ่มมีนายช่างที่เดินทางมาตามคำร่ำลือตามหาไม้คุณภาพชั้นเลิศมายังพื้นที่แห่งนี้ และเริ่มก่อสร้างบ้านไม่กี่หลังและเริ่มทำการค้าขายขึ้นซึ่งประสปความสำเร็จอย่างมากเพียงเวลาไม่นาน จากนั้นก็เริ่มมีผู้คนเดินทางตามพวกเขามาลงหลักปักฐานยังที่แห่งนี้เพิ่มขึ้น จนได้ชื่อว่าเป็นหมู่บ้านแห่งนายช่าง เพียงเวลาไม่กี่ปีขนาดของเมืองก็เติบโตเป็นสองเท่าจากพื้นที่เดิม

ดูเหมือนว่าถ้าคณมีฝือมือที่มากพอ คุณสามารถสร้างชื่อเสียงในฐานะ นายช่างใหญ่ จากการค้าขายกับเหล่าชนชั้นสูงในอาณาจักรแห่งนี้ได้ไม่ยากนัก โดยผ่านการสั่งสมชื่อเชียงผ่านเวลาที่มากพอแม้กระทั่งสามารถได้เลื่อนขั้นเป็นขุนนางก็เป็นได้
นายช่างคนหนึ่งที่มีความสามารถอย่างยิ่งได้สร้างสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งขึ้นที่เรียกว่า [Golems] เพื่อทำหน้าที่ปกป้องเมือง ในเวลาไม่นาน เมืองแห่งนี้ก็ถูกปกป้องโดย Iron Golems โกเลมเหล็ก ถึงแม้ว่าพวกมันจะมีพลังโจมตีไม่มากไปกว่าฮ๊อบก๊อบบลิน แต่ก็มีร่างกายใหญ่โตและมีความทนทานสูง โดยจากที่ผมเห็นดูเหมือนเมืองแห่งนี้จะมีพวกโกเลมป้องกันเมืองอยู่ 5 ตัว และมีการป้องกันเมืองด้วยคูคลอง และป้อมธนูคอยทำหน้าที่เฝ้าระวังเมือง โดยชายที่ชื่อ คิคาเบะ เป็นผู้วางระบบรักษาความปลอดภัยให้เมืองนี้

== เรื่องราวของสาวผมแดง == เธอได้พบกับพ่อค้าที่ได้รับสิทธิพิเศษจากการที่อยู่อาศัยในเมืองนี้หลายคน ซึ่งพูดได้ว่าพวกเขาเหล่านี้รู้สึกว่าเมืองแห่งนี้ช่างปลอดภัยที่สุดในโลก ผมนี่รุ้สึกหงุดหงิดกับพวกที่อ่อนต่อโลกแบบนี้จริงจริง




ผมก็เดินไปเรื่อยๆจากนั้นไม่นานผมก็สำรวจบริเวณรอบๆด้านนอกของหมู่บ้านจนครบรอบ

ผมตัดสินใจใช้ไอเท็มชิ้นหนึ่งจากกล่องไอเท็มของผมเปลี่ยนรูปร่างของม้าโครงกระดูกสีดำทมึนที่ผมซัมม่อนมา ให้กลายเป็นม้าสีน้ำตาลที่มีรูปร่างเหมือนม้าทั่วๆไป มันคือแหวนที่ผมได้มาจากเวลเว็ตดันเจี้ยน ที่มีพลังสามารถเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ของสิ่งของหรือผู้คนได้ในช่วงเวลาหนึ่ง หลังจากพบว่าทุกคนในขบวนยังไม่พร้อมสำหรับการเดินทางผมก็ตัดสินใจเดินเข้าไปในบริเวณด้านในของเมือง สาเหตุส่วนหนึ่งก็เพราะว่าตอนผมเดินเล่นรอบๆเมืองผมนั้นได้ยินผู้คนหลายๆคนพูดถึงปัญหาอะไรบางอย่างที่กำลังเกิดขึ้นกับชาวบ้าน ซึ่งผมอาจจะได้งานอะไรสักอย่างทำจากเหตุการนี้น่ะสิ

ดูเหมือนเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมาหมู่บ้านนี้เริ่มเกิดปัญหาขึ้น ต้นเหตุก็มาจากพวกออร์คเข้ามาก่อกวนและเริ่มจะสร้างปัญหารุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ในอดีตออร์คพวกนี้ไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้กับหมู่บ้านแห่งนี้มากนัก พวกมันมักจะเก็บตัวอยู่ภายในป่าในอาณาเขตของตนเอง พอผมได้ยินว่าพวกมันเป็นมอนเสตอร์จากป่า ผมก็เอะใจขึ้นทันที เอ...หรือว่ามันอาจจะเป็นผลจากที่พวกผมเข้าโจมตีฐานของออร์คตั้งแต่ตอนนู้นนนกันนะ


== เรื่องราวของชาวบ้าน == เมื่อประมาณ 10 ปีก่อน ข้อตกลงระหว่างหมู่บ้านกับเผ่าออร์คแห่งป่าคูดีรันได้เกิดขึ้น เพื่อตกลงให้เผ่าออร์คยุติการรุกรานหมู่บ้าน ทุกหกเดือนหมู่บ้านต้องส่งทาสผู้หญิงจำนวนหนึ่งให้พวกออร์คเป็นสิ่งแลกเปลี่ยน ซึ่งก็ดูเหมือนว่ามันจะเป็นการสะดวกสบายมากกว่าสำหรับหมู่บ้านที่มีรายได้เยอะๆอย่างหมู่บ้านแห่งนี้ ซึ่งดีกว่าการที่ต้องมาเสี่ยงชีวิตต่อสู้กับมอนเสตอร์อย่างพวกออร์ค ตั้งแต่นั้นมาสัญญาไม่ทำการรุกรานหมู่บ้านก็ได้เกิดขึ้น



อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้เผ่าออร์คได้แหกกฎข้อตกลงดังกล่าว แถมยังโจมตีมนุษย์ที่เข้าไปตัดไม้ในบริเวณป่า และในครั้งนี้ดูเหมือนพวกมันจะจับตัวลูกสาวของผู้มีอิทธิพลในเมืองนี้ไปด้วยน่ะสิ พวกชาวเมืองบอกกับผมว่านี่เป็นการบุกโจมตีระรอกใหญ่เป็นครั้งที่เจ็ดแล้วในรอบไม่กี่เดือน และการบุกรุกของพวกออร์คก็เริ่มถี่มากขึ้นเรื่อยๆ

ผมได้ยินมาว่าพวกมันนั้นมีจำนวนมาก แต่จนกระทั่งตอนนี้พวกมันก็ไม่เสี่ยงที่จะเข้าโจมตีเมืองตรงๆ ถึงแม้ว่าตอนนี้จะยังแต่ ออร์ค นั้นเป็นมอนเสตอร์ที่ถ้าหากว่าเมื่อไหร่พวกมันมีจำนวนมากพอมันต้องเข้าบุกโจมตีเมืองอย่างแน่นอน ด้วยจำนวนที่มากกว่าอย่างท่วมท้นพวกมันสามารถฆ่า โกเลมเหล็ก ได้ไม่ยาก ถึงแม้ว่าโกเลมเหล็กนั้นจะแข็งแกร่ง แต่ด้วยขนาดของเมืองนี้ โกเล็มเหล็กเพียงห้าตัวไม่สามารถทำการปกป้องได้อย่างทั่วถึงแน่นอน และมันจะกลายเป็นการต่อสู้เต็มรูปแบบระหว่างชาวบ้านกับเผ่าออร์ค และจากเหตุผลดังกล่าวทำให้ปัจจุบันนี้ชาวบ้านไม่สามารถหาไม้คุณภาพสูงได้อย่างปลอดภัยอีกต่อไปแล้ว



จากช่วงเวลาในอดีตที่พวกออร์คเคยเป็นมิตรกับชาวบ้านมาด้วยดี ตอนนี้กลับโหดร้ายป่าเถื่อนทำให้ชาวบ้านอยู่ในสภาวะที่เกิดความสับสนอย่างมาก " ถึงแม้ว่าพวกออร์คจะมีลักษณะคล้ายมนุษย์ แต่ท้ายที่สุด พวกมันก็ยังเป็นมอนเสตอร์ " นี่เป็นความคิดที่อยู่ในใจของพวกมนุษย์ทั่วๆไป



สำหรับหมู่บ้านเกิดใหม่ที่มีประวัติความเป็นมาไม่ยาวนาน ผู้คนเองก็เพิ่งใช้ชีวิตในหมู่บ้านแห่งนี้ไม่นานนัก ถึงแม้ว่าพวกเขาจะรู้สึกดีกับหมู่บ้านแห่งนี้ โดยเฉพาะนายชางใหญ่ที่ลงทุนลงแรงไปมากมายไปกับหมู่บ้านแห่งนี้ในช่วงเวลาที่ผ่านมา มันก็ยังมีความเสี่ยงที่หมู่บ้านจะถูกทิ้งร้างหากการบุกรุกของพวกออร์คยังดำเนินต่อไป พวกมนุษย์เหล่านี้ไม่ได้มีจิตใจที่จะต่อสู้เพื่อเมืองแห่งนี้เลย มากกว่านั้นยังเลือกที่จะละทิ้งทุกอย่างดีกว่าที่จะยอมตาย ยอมที่จะจากหมู่บ้านนี้ไปไม่แม้กระทั่งจะลุกขึ้นต่อสู้เพื่อตัวเอง อืมมม ผมคิดว่านี่มันเป็นลักษณะและพฤติกรรมของมนุษย์ล่ะนะ

ถึงแม้ว่าโดยปกติแล้วผมไม่ได้สนใจกับสิ่งที่พวกมนุษย์เหล่านี้กำลังเจออยู่ แต่มันก็อาจจะเป็นหนทางในการทำธุรกิจร่วมกับเราได้ในเมื่อการค้าขายของเมืองนี้ต้องพึ่งไม้ที่มีพลังวิญญาณจากป่าในการผลิตสินค้าขึ้นมา

ดังนั้นสถานที่แห่งเดียวที่ผมจะสามารถยื่นคำเสนอในการกำจัดพวกออร์คได้คือ อาคารสมาคมบริหารเมือง ผมจึงไปที่นั่นเพื่อที่เสนอสิ่งที่พวกเราจะจัดการให้ แน่นอนว่าแลกเปลี่ยนกับรางวัลที่เหมาะสมกับการปกป้อง และรักษาไม่ให้เมืองแห่งนี้ล่มสลายลง ผมน่ะไม่ชอบงานการกุศลหรอกนะนอกเสียจากมันจะมีประโยชน์ต่อผมด้วย



อา...ใช่่แล้วล่ะ ผมคิดว่าผมรู้ถึงต้นตอของปัญหาที่หมู่บ้านแห่งนี้กำลังเผชิญอยู่ มันดูเหมือนว่าผมนี่แหละที่เป็นศูณย์กลางที่แท้จริงของเหตุการนี้ มันเกิดขึ้นจากผมและพรรคพวกไปยึดเอาฐานทัพที่พวกออร์คใช้อยู่และเชือดหัวหน้าของพวกมันไป อาจเป็นไปได้ว่าโดยธรรมชาติแต่เดิมแล้วพวกออร์คนั้นไม่ค่อยมีค่าสติปัญญาที่มากนัก เชือดตัวหัวหน้าของเผ่าไปก็ทำให้เกิดความวุ่นวายภายในของเผ่าแล้ว พรรคพวกที่เหลือก็แค่ดิ้นรนเอาชีวิตรอดไปตามสัญชาตญาณ พวกที่เหลือรอดสักสามสิบถึงสี่สิบตัวจากที่พวกผมไปบุกที่เหมืองออร์ค พออาหารพวกมันเริ่มจะหมด ก็มาบุกรุกบริเวณเมืองที่เป็นแหล่งอาหารที่ใกล้ที่สุดและเหล่าผู้คนที่เข้าป่าไปตัดไม้ตามสัญชาตญาณการเอาชีวิตรอดของพวกมัน เพื่อให้เห็นภาพก็ลองคิดว่าพวกที่มีชีวิตรอดทั้งหมดมีสภาพเหมือนออก้าคิจิคุงที่ปราศจากคำแนะนำของผมนั่นแหละ



ออร์คนั้นไม่ได้เป็นมอนเสตอร์ที่อ่อนแอขนาดจะจัดการได้ง่ายๆ ถึงมันจะไม่เป็นปัญหาสำหรับพวกเราในตอนนี้แม้แต่น้อย แต่สำหรับพวกมนุษย์ทั่วไปที่เป็นชาวบ้าน ผู้คนเหล่านี้ไม่ได้ผ่านการฝึกซ้อมการต่อสู้ เมื่อคิดว่าจะต้องต่อสู้กับพวกมัน พวกออร์คนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่สร้างความน่ากลัวทีเดียวล่ะ มันจะเป็นสิ่งที่ยากลำบากอย่างมากในการกำราบพวกมันลงเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาจะสามารถเข้าป่าไปตัดไม้ได้อย่างปลอดภัย

จากการสังเกตุการณ์ล่าสุด สภาพของพวกออร์คดูผอมลงไปจากที่เคยเห็นเมื่อก่อนมาก เห็นได้ชัดว่าพวกมันกำลังดิ้นรนในการหาแหล่งอาหารอยู่


บางทีพวกมันก็เข้าจู่โจมมนุษย์จนกว่าความหิวของพวกมันจะดีขึ้น ทำการปล้นสดมแม้พวกมันจะจำได้ว่าหัวหน้าของพวกมันที่เราเชือดไปเคยสั่งห้ามใว้ อีกทั้งพวกไร่นาก็ไม่ได้มีการป้องกันใดๆ พวกมันก็มักจะเข้ามาบริเวณนั้นเสมอ


เห้อ ในเมื่อนี่เป็นปัญหาที่ผมเป็นคนก่อใว้ ผมก็ไม่อาจปล่อยมันทิ้งใว้เฉยๆได้ โดยเฉพาะถ้าไม่ว่าทางใดทางหนึ่ง เกิดมีคนรู้มาว่าผมนี่แหละที่เป็นสาเหตุที่ทำให้พวกออร์คเข้าบุกโจมตีถิ่นที่อยู่อาศัยของพวกมนุษย์ ชื่อเสียงของผมต่อพวกมนุษย์อาจจะเสื่อมเสียไปอีกนานเลย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผมรู้สึกเสียใจที่เตะพวกออร์คกระเด็นออกจากเหมืองไปนะ เพราะแร่สปิริตสโตนที่เราสกัดได้จากเหมืองนั้นเป็นสิ่งมีค่าอย่างมากโดยเฉพาะกับพวกมนุษย์ ประสปการณ์จากการยึดเหมืองนั้นก็ยอดเยี่ยมเช่นกัน


สปิริตสโตนนั่นมีค่าอย่างมากต่อมนุษย์และเผ่าพันธ์อื่นๆสำหรับอุปกรเวทมนต์ ถ้าหากผมจัดการพวกออร์คให้ราบไปแล้ว ในเมื่อสถานที่แห่งนี้มีความต้องการอย่างมากสำหรับวัตถุดิบที่มีพลังเวทมนต์คุณภาพสูง การขายสปิริตสโตนย่อมได้เหรียญทองกองมหาศาลแน่ๆ ไหนจะเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยต้นไม้ที่โตขึ้นมาเป็นเงินอีก มันเป็นอะไรที่ความโลภในหัวใจของผมไม่สามารถปล่อยผ่านมันไปได้ หุหุ สำหรับตอนนี้ที่กำลังตกลงทำสัญญากวาดล้างพวกออร์ค ผมจะเก็บข้อมูลที่ผมค้นพบว่าผมนี่แหละต้นเหตุใว้เป็นความลับเอาใว้ งานนี้สำหรับผมผมก็แค่ต้องจัดการสิ่งที่เคยทำกับพวกออร์คเอาใว้ในอดีตให้เสร็จเรียบร้อยเท่านั้นเอง

มันไม่ได้มีความขัดแย้งอะไรระหว่างผมกับพวกออร์คหรอกนะ แต่มาคิดถึงรางวัลที่จะได้จากการกวาดล้างพวกมัน ผมก็เก็บความคิดศีลธรรมอะไรนั่นเอาใว้ ลองมามองโลกในแง่ดี ผมจะกลายเป็นผู้มาเยียวยารักษาเหล่าผู้คนทีไ่ด้รับบาดเจ็บจากการบุกรุกของพวกออร์คในปัจจุบันนี้ ซึ่งทำให้ภาพลักษณ์ของผมกลายเป็นผู้มีจิตใจเมตตาในสายตาของพวกเขา นอกจากจะได้รางวัลแร่ที่ผมจะขายยังอาจจะได้ราคาพิเศษอีกด้วย




อย่างไรก็ตาม จากสัญญาที่ผมทำใว้กับหมู่บ้าน "Clute" ก่อนที่ผมจะจากมาผมได้พูดคุยกับพวกมีตำแหน่งสูงของสมาคมบางคน ซึ่งถ้ามันเป็นไปตามแผนที่ผมวางใว้ ผมจะสามารถเปลี่ยนสัญญา-ระยะสั้น ไปเป็นสัญญา-ระยะยาวคอยปกป้องเมืองจากการโจมตีในอนาคต และมันก็เป็นประโยชน์ต่อผมด้วย ทำให้ผมมั่นใจได้ว่าเมืองแห่งนี้ที่จะเป็นแหล่งคู่ค้าของผม จะไม่ถูกปล้นหรือทำลายลงไป เมื่อผมมั่นใจในข้อตกลงแล้ว ผมก็เดินทางกลับออกมา

หลังจากที่สัญญาถูกทำขึ้น เหล่าออร์คถูกจัดการกลายเป็น หมูย่าง เรียบร้อยในเวลาไม่ถึงตอนเย็นด้วยซ้ำ ปัญหาออร์คบุกรุกหมู่บ้านถูกจัดการเรียบร้อยด้วยอาหารมื้ออร่อยหนึ่งมื้อ ผมว่าผมรับได้กับรางวัลและผลลัพในการออกผจญภัยเพียงหนึ่งวัน

ในระหว่างที่เราทำการกวาดล้างพวกออร์ค เราระวังไม่ให้เกิดอันตรายต่อมนุษย์ผู้หญิงที่ถูกจับมา รวมลูกสาวของผู้มีอิทธิพลของเมือง พวกเราสามารถช่วยเหล่าผู้หญิงที่ถูกลักพาตัวมาจากการที่ออร์คบุกปล้นเมืองมาได้ 3 คน และเมื่อเราเดินทางกลับมาถึงเมือง สัญญา-ระยะยาว เพื่อคอยปกป้องเมืองในอนาคตก็ได้ตกลงทำขึ้น เพื่อให้เป็นไปตามสัญญา ผมจะพรรคพวกจากฐานของเรามายังเมือง ก๊อบบลิน 10 ตัว ฮ๊อบก๊อบบลิน 10 ตัว ฮ๊อบก๊อบบลินเมจ 1 โดยให้ ฮ๊อบก๊อบบลินเมจ เป็นหัวหน้าในการทำหน้าที่ป้องกันเมือง โดยพวกนี้น่าจะเดินทางมาถึงเมืองแห่งนี้ภายในเวลาหนึ่งวัน และน่าจะถูกต้อนรับอย่างยินดีทันทีที่มาถึงยังหมู่บ้านแห่งนี้


ผมได้รับ ความใว้เนื้อเชื่อใจ ความน่าเชื่อถือ จากเหตุการณ์นี้จากชาวเมืองอย่างมาก



นอกจากลูกสาวของผู้มีอิทธิพลในเมืองมีผู้หญิงอีกสองคนที่เป็นทาส จริงๆถ้าเก็บพวกเธอเอาใว้ก็ดีนะ แต่ผมตัดสินใจทิ้งพวกเธอใว้ในเมืองและปล่อยให้พวกเธอเป็นอิสระจากทาส ผมขอหัวหน้าของสมาคมปกครองเมืองว่า ให้ดูแลพวกเธออย่างเท่าเทียม และเขาก็รับปาก

ผมคิดว่าตอนนี้บรรยากาศและสิ่งแวดล้อมของเมืองนี้น่าจะดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนนะ

มันเยี่ยมมาก ยิ่งความสัมพันธ์กับเมืองนี้ดีเท่าไหร่ ก็ดีต่อธุรกิจของเราเท่านั้น

เมื่อเราออกเดินทางจากเมืองไปตามท้องถนน เวทมนต์จากแหวนเปลี่ยนร่างก็คลายลง ผมตัดสินใจกินแหวนนั้นซะ เผื่อว่าผมจะได้ทักษะการเปลี่ยนร่างนั้นมาเป็นของตัวเอง

Ability unlocked [Makeover Shape Shifting] - เปลี่ยนแปลงรูปโฉม

สำหรับตอนนี้ ผมเปลี่ยนสีของร่างกายผมให้คล้ายกับมนุษย์มากขึ้น แต่ก็คงลวดลายแทททูเอาใว้อย่างนั้น

จากนั้น พวกเราก็มุ่งหน้าเดินทางสู่จุดหมายต่อไป

DAY 92 "กรูเม่โร้ดของออร์คโรว"

พวกเราแวะหยุดหลายครั้งระหว่างการเดินทางไปยังเมือง ≪Trient≫ ผมใช้เวลาไปในการสำรวจพื้นที่รอบๆอย่างละเอียด เหตุผลก็เพราะว่ามันมีสัตว์ต่างๆที่น่าอร่อยที่ผมยังไม่เคยลิ้มรสอีกเยอะเลยน่ะสิ และผมก็ต้องการที่จะได้ทักษะจากพวกมันด้วย ธรรมดาๆงี้เลย

สัตว์ตัวแรกที่พวกเราพบคือ Boruforu เป็นสัตว์ที่มีรูปร่างผสมกันระหว่าง ลูกของแรด ควาย และหมูป่า สัตว์ตัวต่อมา Turtle Snake งูเต่า งูขนาดใหญ่ลำตัวยาวสองเมตรที่มีเกล็ดยาวราวๆ 30 เซนติเมตรตลอดลำตัว นอกจากนั้นก็เจอ Blade Rabbit กระต่ายดาบ มันเป็นเหมือนกระต่ายเขาเดียวทั่วๆไปแต่ต่างตรงที่มีใบมีดบริเวณเครา และดาบคมกริบขึ้นมาตรงหน้าผากแทนเขาของมัน สัตว์ตัวสุดท้ายที่เราเจอมีชื่อเรียกว่า Harpy มันมีรูปร่างโดยรวมคล้ายกับมนุษย์แต่มีขนนกและปีกขนาดใหญ่

ในระหว่างที่ต่อสู้กับพวกมันผมไม่ได้สกิลอะไรใหม่ๆ แต่การล่าพวกมันก็พอสร้างความสนุกชดเชยกับการเดินทางที่น่าเบื่อได้บ้าง

การเดินทางในครั้งนี้ช่างสงบสุขเหลือเกิน ไม่เหมือนกับในป่า ที่ซึ่งศัตรูนั้นซ่อนเร้นกายและพร้อมที่จะโจมตีเราจากทุกที่ สำหรับท้องทุ่งแห่งนี้มันไม่มีจุดบอดที่เราจะไม่สามารถมองไม่เห็นศัตรูที่พุ่งเข้ามาโจมตีเรา ผมจับตำแหน่งของ กระต่ายดาบ ได้ด้วยหางตาและปล่อยการโจมตีใส่มันไปทันที สำหรับสาวน้อยผมแดง เลเวลของเธอในตอนนี้ยังต่อสู้กับกระต่ายดาบลำบากอยู่นิดหน่อย ดังนั้นผมให้แดมมิจังคอยใช้เวทมนต์ก่อกวนการเคลื่อนไหวของกระต่ายดาบในขณะที่สาวน้อยผมแดงทำหน้าที่คอยสังหารมัน สัตว์เลี้ยงของผมทั้งสองตัวที่เลื่อนขั้นมาแล้วยังน่าเกรงขามกว่าคู่ต่อสู้ทั้งหมดในบริเวณนี้เสัียอีก (ไฮด์แบร์ และ แบล็ควูฟ ที่แรงค์อัพมาสองรอบ)

ก่อนหน้านี้ผมปล่อยม้าสามเขา (triple horn horse) สัตว์ขี่ของแดมมิจังกลับฐานไปก่อนเพื่อใช้มันทำอะไรหลายๆอย่าง ตอนนี้แดมมิจังขี่ คุโรซาบุโร ที่แรงค์อัพเป็น
"Black Dire Wolf"(Orthoros) หมาป่าดำสามหัว สาวน้อยผมแดงขี่ คุมะจิโร่ ที่แข็งแกร่งกว่า เหตุผลเพราะความแตกต่างด้านความแข็งแกร่งระหว่างสาวน้อยผมแดงกับแดมมิจัง อย่างไรก็ตามจากเหตุผลดังกล่าว ดูเหมือนแดมมิจังจะอิจฉาสาวน้อยผมแดงอยู่นิดหน่อย ผมนี่สงสัยจริงๆว่าทำไม



พวกเราเดินทางผ่านฝูงสัตว์เจอพวก Boruforu หลายสิบตัว ผมตัดสินใจหยุดขบวนเดินทางและออกล่า ผมอำพรางม้าโครงกระดูกด้วยสกิลใหม่ทีี่ได้มาจากการกินแหวนแปลงโฉม ผมได้ฝึกใช้ทักษะแปลงโฉมบ้างตั้งแต่เดินทางออกมาจากเมือง ผมไม่อยากจะให้ผู้คนเซอไพรซ์เวลาเห็นขบวนเดินทางที่ลากรถด้วยม้าโครงกระดูกน่ะนะ สำหรับการออกล่ารอบนี้ผมให้ คุมะจิโร่ และ คุโรซาบุโร่ จัดการล่าเองเกือบทั้งหมด เพราะตั้งแต่ออกจากฐานมาพวกมันชักจะว่างงานอาจพาลเกียจคร้านเอา เนื่องจากทั้งคู่เป็นสัตว์นักล่าโดยสัญชาติญาณ การล่านั้นเสร็จสิ้นลงอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ หลังจากนั้นก็เป็นการรวบรวมและจัดเก็บวัตถุดิบ

เมื่อไม่นานมานี้ สาวน้อยผมแดง ได้เล่าให้ผมฟังว่า ชิ้นส่วนของพวก Boruforu นั้นมีราคาแพงเพราะสามารถเอาไปใช้เป็นอุปกรณ์ต่างๆและผลิตยาได้ด้วย

ถึงแม้ว่าผมจะได้ยินอย่างนั้นผมก็กินพวกมันไปห้าตัว มันก็เป็นปริมาณปกติที่ผมกินเวลาอาหารเช้าน่ะ


Ability [Rhinoceros Bone Body Armor] learned - ทักษะ ร่างเกราะกระดูกแรด เรียนรู้

Ability [Desensitizing] learned - ทักษะ บรรเทาอาการอ่อนไหวต่อความรู้สึก


อะเหื่อ ผมนี่กินมันไปตั้งหลายตัวแต่ได้มาแค่สองสกิลจากพวกมัน คงเป็นเพราะว่าความแตกต่างทางด้านพลัง ยังไงก็ตามผมก็ไม่อยากให้มันมารบกวนจิตใจผมนัก ไม่ใช่ว่าสองสกิลนั้นไม่เพียงพอหรืออะไรหรอก แต่ผมไม่คิดว่าผมจะต้องการอะไรจากพวกมันต่างหาก

อย่างไรก็ตาม ต่อให้ผมไม่ได้สกิลอะไรจากการกินพวกมัน แต่เนื้อของมันก็เป็นเนื้อที่จัดว่าที่อร่อยที่สุดที่ผมเคยกินมาอยู่ดี เราย่างเนื้อและเมื่อเอาเข้าไปในปาก เนื้อชุ่มไขมันละลายไปในปาก รสสัมผัสนั้นช่างน่าอัศจรรย์และรสชาติก็ยอดเยี่ยมที่สุด เปรียบเทียบรูปร่างของมันกับรสชาติที่ได้กินนี่แทบจะคิดว่าเป็นเรื่องโกหกกันเลย ไม่ต้องบรรยายอะไรมาก เนื้อ Boruforu ตอนนี้กลายเป็นหนึ่งในอาหารจานโปรดของผมเรียบร้อย ( เข้าฟูลคอร์สจานเนื้อสินะ #โทริโกะ )

ต่อจากนั้นไม่นาน เราก็เจอกับกระต่ายดาบกลุ่มหนึ่ง ถึงมันจะเป็นเพียงเหยื่อตัวจ้อยสำหรับผมหรือแดมมิจัง แต่มันก็เป็นคู่ต่อสู้ที่ดีสำหรับให้สาวน้อยผมแดงฝึกฝน ผมต้อนกระต่ายดาบอีกสองตัวมาให้สาวน้อยผมแดงต่อสู้ ในขณะที่การต่อสู้ดำเนินไป ผมก็รินน้ำชาที่ได้รับจากท่านพ่อเอลฟ์ตั้งแต่ก่อนที่พวกเราจะออกเดินทางมาจิบและเอาข้าวเกรียบออกมากิน นั่งพักผ่อนเบาๆดูการต่อสู้ .... หลังจากอาหารจานเนื้อ ตามด้วยน้ำชานี่ช่างเข้ากันจริงๆ

ด้วยเลือดจากกระต่ายดาบตัวแรกล้มลง ดวงตาของสาวน้อยผมแดงก็เปล่งแสงสีแดงมากขึ้น พลังโจมตีของเธอก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน มันเป็นผลมาจากอาชีพ [Noir Soldier] [ทหารโฉด] จากอาชีพของเธอทำให้เธอสามารถแข็งแกร่งขึ้นจากเหยื่อแต่ละตัวที่เธอฆ่าและซึมซับพลังของพวกมัน ระหว่างที่ดูเธอต่อสู้ ผมนั่งอยู่ข้างๆ อัลเคมิสซัง และจิบชากัน เธอประหลาดใจที่เห็นสาวน้อยผมแดงระเบิดพลังและความเร็วที่เหนือกว่าปกติออกมา ผมตระหนักได้ว่าในตอนนี้ร่างกายของสาวน้อยผมแดงต้องการกินและซึมซับเลือดของเหล่ามอนเสตอร์อยู่สม่ำเสมอเพื่อให้ร่างกายเธอไม่อ่อนแอลง

หลังจากการฆ่าเหยื่อของเธอเสร็จสิ้น ผมก็กล่าวชมเธอเล็กน้อยและรักษาแผลของเธอในขณะที่ลูบหัวและผมสีแดงของเธอ หลังจากรักษาเธอเรียบร้อย ผมก็ชำระล้างร่างกายที่ชุ่มไปด้วยเลือดจากการผ่าเจ้ากระต่ายดาบเป็นชิ้นๆด้วยสกิล [Hydro Hand] หลังจากร่างกายเธอสะอาดหมดจด ผมก็ทำสิ่งเดียวกันกับเสื้อผ้าของเธอทันที

ตอนบ่ายเราก็เดินทางผ่านรังของ งูเต่า ดูเหมือนว่าพวกมันจะขุดรูทำรังกันอยู่ใต้ดินเหมือนมด รังของมันช่างแปลกประหลาดและสวยงามอย่างยิ่ง ผมใช้สกิล [Echolocation] คลื่นเสียงสะท้อน เพื่อหาตำแหน่งและรวบพวกมันรวมกันในทีเดียว

จากการใช้ทักษะ [Earth Control] ควบคุมพื้นดิน ผมดันพวกมันทั้งหมดขึ้นมาจากหลุมมาอยู่บนพื้นดินโดยที่ไม่ไปรบกวนพวกมันแม้แต่น้อย ในช่วงเวลากลางวันพวกมันจะหลับ ดังนั้นการล่าพวกมันในเวลาช่างง่ายดายยิ่งนัก ในขณะที่พวกมันกำลังหลับอยู่ พวกเราค่อยๆเชือดพวกมันทีละตัว โดยระวังไม่ให้ชิ้นส่วนที่สามารถเปลี่ยนเป็นเงินได้ในภายหลังได้รับความเสียหาย น่าเสียดายระหว่างที่เรากำลังเชือดพวกมันทีละตัวๆ พวกมันดันตื่นขึ้นมาและเรียกพรรคพวกมาอีกจำนวนมาก ก่อนการต่อสู้จะเริ่มขึ้นพวกมันมีจำนวนรวมกันทั้งหมด 88 ตัว และพุ่งเข้าโจมตีในทันที แต่พวกมันก็ยังมีเลเวลที่ห่างกับพวกเราอยู่มาก ดังนั้นพวกเราจึงสามารถฆ่ามันไปทีละตัวโดยไม่ทำให้กระดองอันมีค่าของมันได้รับความเสียหาย

ตัวผมเองฆ่ามันไปทั้งหมด 38 ตัวภายในเวลาพริบตา แม้กระทั่งสาวน้อยผมแดงก็สามารถฆ่าพวกมันได้หลายสิบตัว แบล็คสมิธซังและสองพี่น้องแม่ครัวก็จัดเตรียมอาหารจากเนื้อของพวกมัน เนื้อของมันรสชาติยอดเยี่ยม ดีกว่างูไนท์ไวเปอร์ซะอีก ... เนื้องู... ดื่มตามด้วยเหล้าเอลฟ์... อาหารมื้อนี้ช่างเหนือคำบรรยาย


Ability [Shell Retreat] learned เรียนรู้ ทักษะ [ลอกคราบ]

Ability [Dormant] learned เรียนรู้ ทักษะ [ไม่เคลื่อนไหว]


รสชาตินั้นยอดเยี่ยม แต่ในเมื่อพวกมันสามารถขายได้ราคา ดังนั้นผมก็จะไม่กินพวกมันจนหมดละกัน

ถึงกระนั้นผมก็ยังต้องการล่า ฮาปี้ ต่ออีกสักหน่อย แต่เนื่องจากไม่ปรากฎพวกมันบนท้องฟ้าเลย แถมมันอาจจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพของแบล็คสมิธซัง ด้วยเหตุนี้การละเล่นไล่ล่าเลือดสาดอย่างต่อเนื่องจึงต้องหยุดลง และออกเดินทางสู่สถานที่หมายของพวกเราต่อไป

จากข้างหน้า ผมเห็นทางขึ้นเขา ผมตัดสินใจเลือกที่จะเดินทางไปเส้นทางนั้นและหวังว่าจะมีพวกมอนเสตอร์ตามเส้นทางบนเขานะ อิอิ.....

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น