วันพฤหัสบดีที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2558
Overlord Volume 4 Prologue
"ยินดีต้อนรับกลับมาค่ะ ท่านไอส์"
พอได้กลับมาที่ห้องของตัวเองหลังจากผ่านไปตั้งครึ่งเดือน แต่คำที่อัลเบโด้พูดออกมาได้ละลายกำลังทั้งหมดออกไปจากตัวเขาทีเดียว
"ท่านอยากจะกินข้าว? อยากจะอาบน้ำ? หรือว่าอยากจะ......กับดิฉัน?"
ชั่วขณะนึง ไอส์คิดว่าเขาเห็นฉากหลังรูปหัวใจระยิบระยับอยู่ข้างหลังตัวของอัลเบโด้
"...เจ้ากำลังทำอะไรอยู่รึ"
"ดิฉันกำลังทำแบบคู่แต่งงานใหม่ค่ะท่านไอส์ ดิฉันได้ยินมาว่ามันไม่มีวิธีไหนดีกว่านี้ในการที่จะต้อนรับสามีผู้เดินทางไปทำภารกิจกับสัตว์เลี้ยงของครอบครัว เป็นอย่างไรบ้างค่ะ?"
เขาเข้าใจซ่ะทีว่าทำไมครั้งนี้ถึงไม่มีใครมาต้อนรับเขาตั้งแต่ข้างบน ผู้ชายคนนี้คนที่ไม่เคยออกเดทยิ่งไม่ต้องพูดถึงแต่งงานเกือบจะตอบไปอย่างสงบว่า "ไม่รู้ซิ" แต่รีบกลืนคำเหล่านนั้นกลับ ศักศรีดิ์ในฐานะผู้ชายของเขาไม่ยอมให้เขาแสดงความอ่อนแอ แต่นอกจากเรื่องนั้นเขาควรจะตอบปัญหาว่า "เป็นอย่างไรบ้างค่ะ"ยังไงดี
ถึงแม้เขาจะไม่มีความมั่นใจในตัวเองก็ตาม.....ก็งั้นทำไมจะไม่ลองตอบด้วยแนวที่แสดงว่ารับรู้เพื่อคำตอบที่ประกันได้ว่าไม่มีข้อผิดพลาดล่ะ
"ช่างมีเสน่ห์ยิ่งนัก อัลเบโด้"
"วิเศษไปเลยค่ะ! " รอยยิ้มของอัลเบโด้แสดงให้เห็นว่าเธอยินดีเพียงใด
ถึงถูกจู่โจมด้วยรอยยิ้มอันเปี่ยมเสน่ห์ของอัลเบโด้ ไอส์นั่งช้าๆและเตรียมที่จะจัดการธุระ
เขารู้สึกเหมือนมีงูกำลังค่อยคืบคลานขึ้นมาบนหลัง
มันอาจจะเป็นเพราะความปราถนาจากสัญชาตญาณดิบที่ฉายอยู่ในนัยน์ตาสีทองของอัลเบโด้ทำให้เขารู้สึกแบบนั้น ถ้าเขาหยอกล้อเธอเล่นว่า "ข้าต้องการเจ้า" เธอคงจะรีบใช้มันเป็นเหตุในการพุ่งเข้าหาเขาประดุจดังสัตว์กินเนื้อเป็นแน่ จะด้วยเหตุใดก็ตาม "reverse rape"เป็นคำที่ผุดขึ้นในหัวเขา
ความต้องการทางเพศของเขามันแทบจะไม่ปรากฏ แต่ที่ยังเหลืออยู่เล็กน้อยก็ปรากฏขึ้นจากกลิ่นกายที่แผ่ซ่านจากตัวอัลเบโด้ ความฉงนอยากรู้ของเขาพรวดพุ่งขึ้นมาจากทั้งความสงสัยและด้วยความคิดที่ว่าถึงทำไปก็ไม่เสียหายอะไร
หยุดคิดซ่ะ ไอ้งั่ง
มันไม่ใช่เพราะความสามารถในการควบคุมตนเองอันมุ่งมั่นที่ทำให้เขาไม่สนใจความรู้สึกของอัลเบโด้ แต่มันเหมือนกับว่าเขาต้องปลงใจยอมรับว่ามันเป็นไปไม่ได้สำหรับโครงกระดูก
ก่อนจะมาโลกนี้ เขาแค่เปลี่ยนให้อัลเบโด้มา "หลงรักหัวปักหัวปำ" ในตัวเขาเล่นๆ เพราะอย่างนั้นเขาเลยรู้สึกเหมือนว่ากำลังไปในทำนองที่เอาเปรียบความรู้สึกของเธอเลยเพราะเหตุนี้เขาเลยไม่สามารถกล้าจะเริ่มตอบรับความรู้สึกของเธอได้
แต่อะไรที่มันพลาดไปแล้วก็ทำอะไรกับมันไม่ได้แล้วนี่.... ไอ้ความสัมพันธ์แบบไม่มีเรื่องเพศก็คงจะไปได้ไม่ราบรื่น....เพราะแบบนี้ล่ะน่าเราก็เลยกลัวจะเริ่มความสัมพันธ์
พวกนี้เป็นความคิดของไอส์ผู้ที่ไม่เคยมีความสัมพันธ์กับเพศตรงข้ามมาก่อน
นอกจากนี้ ในบางมุม พวกNPC ที่เพื่อนของเขาสร้างมาก็เหมือนกับลูกๆ การจะไปทำสิ่งสำคัญอย่างนี้แปดเปื้อนเป็นอะไรที่ทำให้เขารู้สึกกระอักกระอ่วน
เรามันงั่งชะมัด นี่ไม่ใช่อะไรที่เราควรจะมาคิดเลย
"อ่าห์"
เพราะจู่ๆอัลเบโด้ก็เปล่งเสียงออกมา แสงที่ส่องในเบ้าตาของไอส์จึงเกิดสว่างยิ่งขึ้น
"อะ-อะไร!? อัลเบโด้! มีอะไรเกิดขึ้น?"
"ดิฉันขออภัยค่ะ ภรรยาที่เพิ่งแต่งงานใหม่ยังต้องใส่ชุดศึกขั้นสูงสุด (แก้ผ้าใส่แค่ผ้ากันเปื้อน) เพื่อต้อนรับสามีด้วย"
เมื่อพูดจบ อัลเบโด้ที่หน้าแดงระเรื่อมองต่ำลงไปที่กระโปรงของเธอแล้วพูดว่า
"ขอแค่ท่านอนุญาติ ดิฉันจะรีบเปลี่ยนทันที"
ขณะที่ยังแอบชำเลืองมองที่เขาเธอกล่าวเพิ่มพร้อมกับน้ำเสียงที่เขินอายแต่ยังฟังเข้าใจได้ว่า "....ต่อหน้าท่านไอส์...."
"...อ่าห์,ได้...อืม,นี่พูดจริงหรือ...เฮ้ออออ, อัลเบโด้หยุดล้อเล่นและมาเริ่มจัดการประชุมและแลกเปลี่ยนข้อมูลซ่ะ"
"ค่ะ ตามที่ท่านบัญชา"
ไอนซ์พยายามที่จะเมินการกระทำอันยากอธิบายของอัลเบโด้ซึ่งกำลังทำท่าเสียดาย---ในแง่ไหนไม่รู้---แล้วทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ จากนั้นเขาได้โยนถุงหนัง3ถุงไปที่โต๊ะ เขาบอกอัลเบโด้ที่เปลี่ยนท่าทีจากเจ้าสาวหมาดๆมาเป็นเลขาผู้สามารถแล้วว่า
"อย่างแรก เอาเงินที่ได้จากรีแลนเทียร์ไปให้ในการทดลองต่างๆซ่ะ"
ทั้ง3ถุงมีขนาดต่างๆกัน อันใหญ่ที่สุดใหญ่จนวางตั้งได้เลย ข้างในเป็นเหรียญทอง เงินและทองแดงที่ไอส์ได้จากการเป็นนักผจญภัย
"รับบัญชา เงินเหล่านี้ดิฉันจะเอาไปใช้ในระบบการป้องกันของนาซาริครวมถึงทดลองใช้ในการเรียกเหล่าสมุน"
"พิสูจน์ดูซ่ะ นอกจากนี้ยืนยันให้ได้ว่าพวกมันใช้สำหรับการสร้างพวก เมจิคสคอและไอเทมอื่นๆได้หรือไม่"
ทองที่ได้จากในเกม อิกดราซิล ไม่ได้ไว้ใช่แค่ซื้อไอเทมทั้งหลาย ยังไว้ใช้สำหรับเรื่องอื่นๆอีกด้วย เช่น สำหรับจ่ายค่าใช้จ่ายในการควบคุมระบบป้องกันฐานทัพของกิลด์และค่าใช้จ่ายสำหรับพวกสมุนที่เลเวล30หรือสูงกว่าที่ถูกเสกโดยอัตโนมัติ ,ใช้เวลาจะปล่อยคาถา, ใช้เวลาจ่ายพวกค่าใช้จ่ายในการทำไอเทมและแม้แต่เวลาชุบNPCที่ตายไป
ก็พอที่จะยืนยันได้แล้วว่าไม่มีปัญหาอะไรในการใช้เหรียญทองของอิกดราซิลในโลกนี้ อย่างไรก็ตามยังต้องดูว่าเงินตราของโลกนี้สามารถใช้ครอบคลุมการใช้จ่ายของพวกเขาหรือไม่ โดยเฉพาะว่าสามารถเป็นไปได้ที่จะเอาเหรียญเงินและเหรียญทองแดงมาใช้หรือไม่ ---- เพราะเหรียญทองเท่านั้นที่ใช้เป็นเงินตราในอิกดราซิล
มันก็ไม่เกินไปนักถ้าจะบอกว่าการทดลองเหล่านี้สามารถส่งผลกระทบต่ออนาคตของนาซาริคได้เลย ถ้าเงินที่ได้มาจากโลกนี้สามารถใช้ได้เหมือนกับที่ใช้ในอิกดราซิล เช่นนั้นย่อมส่งผลถึงพวกนโยบายภารกิจต่างๆในอนาคตโดยเฉพาะที่เกี่ยวกับเงินทอง
ความสำคัญในการหาเงินก็จะมากขึ้นซึ่งทั้งนี้ก็อยู่ที่สถานการณ์ ในอีกแง่ถ้าเงินจากโลกนี้ใช่ไม่ได้อย่างนั้นเงินในห้องสมบัติก็จะเป็นดุจเส้นกำหนดชีวิตและการใช้จ่ายแบบไร้สาระจะต้องถูกจำกัดไว้
"ทีนี้ว่าถึงคลีเมนไทน์--------"
พอพูดถึงชื่อของศพที่หายไป ไอส์เลยทำหน้าเหมือนถูกแมลงกัด
ก็เพราะความผิพลาดของไอส์ ผู้หญิงคนนี้ที่ได้รู้ข้อมูลสำคัญไปมากอาจจะถูกชุบแล้วก็เป็นได้ ความรู้สึกกังวลที่ว่าเธออาจจะกำลังเผยแพร่ข้อมูลก็ค่อยๆก่อตัวขึ้น
ศัตรูที่เป็นไปได้มีอยู่เยอะ แต่ข้อมูลเกี่ยวกับพวกมันกลับหาได้ยาก ในทางตรงกันข้ามข้อมูลทางฝั่งนี้กลับรั่วไหลไปแล้ว
มันคงจะดีเยี่ยมถ้าเป้าหมายที่ได้รับข้อมูลเป็นพวกสมาชิกเก่าของกิลด์ แต่....การจะโชคดีอย่างนั้นก็ดูจะเป็นการวาดฝันตั้งความหวัง การปฏิบัติการในอนาคตของเราจะต้องทำอย่างระมัดระวังมากกว่านี้ แล้วเรื่องตัวตนของโมมอนล่ะจะทำอย่างไรดี?
โมมอนอาจจะถูกสงสัยได้แต่มันก็ดูจะเสียเปล่าถ้าจะทิ้งไปทันทีในขณะที่กำลังค้างอยู่ในช่วงสร้างชื่อเสียง ความจริงที่ว่าไอส์กับโมมอนเป็นคนเดียวกันน่าจะยังไม่รั่วออกไป
ไม่มีทางเลือกใดนอกจากจะปรับตัวไปตามทิศทางอนาคต
เมื่อไม่สามารถที่จะหาคำตอบได้ ไอส์เลยปล่อยเรื่งนี้ไปจากหัวเพื่อไม่หมกมุ่นไปกับคำถามที่ยากจะหาคำตอบ
"สั่งแพนโดร่าแอคเตอร์ให้โยนมีดของผู้หญิงคนนั้นใส่เครื่องแยกชิ้นส่วนในห้องสมบัติเพื่อดูซิว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับมัน"
"เครื่องแยกชิ้นส่วน?"
คำถามของอัลเบโด้สะกิดไอส์ถึงชื่อของเจ้าเครื่องนั้น
"กล่องแลกเปลี่ยนน่ะ มันอนุญาติให้พวกที่มีความสามารถของอาชีพพ่อค้าตรวจสอบไอเทมที่มีค่าสูง สั่งแพนโดร่าแอคเตอร์ให้แปลงเป็น คุณเนียรานีNearani แล้วใช้ความสามารถพิเศษของเขาซ่ะ"
ในขณะที่มองดูอัลเบโด้ที่ก้มหัวลงเพื่อแสดงว่าเธอเข้าใจ ไอส์ได้วางม้วนกระดาษลงบนโต๊ะ
"มีอีกเรื่องนึง นี่คือแผนที่โลกที่ได้มาจากรีแลนเทียร์
"นี่น่ะหรือ...ค่ะ?"
อัลเบโได้ขมวดคิ้วเล็กน้อยส่วนเหตุผลนั้นดูออกง่ายมาก แผนที่นี้ทำออกมาหยาบเกินไป
"ข้าเข้าใจความไม่พอใจของเจ้า นี่เป็นแผนที่ที่แสดงแค่รอบๆนี้มันแสดงแค่บางส่วนของโลกนี้ ยิ่งกว่านั้นอัตราส่วนก็ไม่สม่ำเสมอและที่สำคัญหลายที่ก็ไม่ได้เขียนเอาไว้"
"มันมีตัวอย่างมากมายของข้อมูลที่ไอส์ได้มาจากประธานของสมาคมเวทย์มนต์ในรีแลนเทียร์ที่ไม่แสดงบนแผนที่ เช่นตำแหน่งของเผ่าเซนทอร์ในแถบทุ่งหญ้า รังของมนุษย์แมงป่องในทะเลทราย ประเทศในหุบเขาของพวกคนแคระ และอีกมากมาย... โดยสรุปแผ่นที่นี้มีประโยชน์แค่กับพวกมนุษย์
ความน่าเชื่อถือของแผนที่ที่คลุมเครืออย่างนี้ต่ำ แต่แผนที่ที่ดีกว่าก็ต้องจ่ายและใช้เวลาทำมากกว่า และมันก็ไม่มีอันทีดีกว่านี้ด้วย
นี้เป็นคำของประธานสมาคมเวทย์มนต์ ธีโอ ราเคเชียร์ ที่ใกล้ชิดกับไอส์มากฉะนั้นมันก็คงจะเป็นเรื่องจริง
การจะเอาแผนที่ระดับนั้นดูจะเป็นคำขอที่ไร้เหตุผลดูได้จากท่าทางของเขา
"เข้าใจแล้วค่ะ เช่นนั้นดิฉันจะให้ทำสำเนาแล้วแจกจ่ายให้แก่เหล่าผู้พิทักษ์
"ดีมาก แต่ขอให้ข้าได้อธิบายก่อน"
ไอส์ชี้ไปที่จุดตรงกลางที่มีรายละเอียดเล็กๆเขียนไว้บริเวณนั้น
"นี่คือ อีแลนเทียร์ และนี่คือมหาสุสานแห่งนาซาริค"
นิ้วนั้นเคลื่อนจากตรงกลางไปบริเวณตะวันออกเฉียงเหนือใกล้กับป่าขนาดใหญ่ที่ล้อมอยู่รอบนาซาริค นี่พอจะดูได้จากรูปภูมิประเทศ
.
"นี่คือแนวเขา เอแซลเลอริเซีย เขตแดนระหว่างราชอาณาจักรีแอสไท และ จักรวรรดิบาฮารุท เริ่มจากยอดทางตอนใต้และรวมรอบๆเขตแนวเขา บริเวณขนาดใหญ่นี้คือ ป่าโทฟ และระหว่างทางใต้สุดของเขตเทือกเขาและป่าโทฟคือแม่น้ำที่ไหลเข้าไปในทะเลสาบรูปกระบวย ไอส์ชี้ไปบริเวณทางใต้ของทะเลสาบ
"นี่คือบริเวณเขตพื้นที่ชุ่มน้ำขนาดใหญ่ ที่ตั้งของหมู่บ้านพวกลิซาร์ดแมน"
เห็นอัลเบโด้พยักหน้า ไอส์เริ่มอธิบายต่อ
"ต่อไปจะเป็นคำอธิบายเกี่ยวกับประเทศรอบๆที่หัวหน้าสมาคมนักเวทย์บอกมา ทางตะวันตกเฉียงเหนือของอาณาจักรเป็นบริเวณที่เต็มไปด้วยภูเขาเป็นแนวยาวซึ่งมีพวกกึ่งมนุษย์หลายเผ่ารวมตัวกันเป็นสมาพันธ์ยากรานเด้ ต้องคอยระวังมังกร5หรือ7หัวที่ทำหน้าที่เป็น1ในผู้แทน ทางตะวันตกเฉียงใต้ของราชอาณาจักรคือประเทศที่รู้จักกันในชื่อ อาณาจักรศักสิทธิ์ มันถูกกำหนดไว้มั่วซั่วบนแผนที่ แต่จริงๆแล้วชายแดนได้รับการคุ้มครองจากกำแพงขนาดยักษ์ยาวนับหมื่นไมล์ มันค่อยป้องกันจากเขตป่าที่พวกกึ่งมนุษย์ก่อปัญหากันประจำ
"นั่นเป็นที่ที่เดมิอูเร่เคยถูกส่งไปนี่ค่ะ"
"ใช่แล้ว ส่วนที่อยู่อีกด้านของเขตป่าคือศาสนจักรสเลน อาจะจะเป็นศัตรูที่เราต้องคอยระวังตัวเอาไว้"
"เส้นนี้เป็นเขตแดนเหรอค่ะ?"
อัลเบโด้ใช้นิ้วขาวราวกับหินอ่อนของเธอชี้ไปที่เส้นที่วาดไว้เป็นวง
"น่าจะใช่ ถ้าพูดกันตามตรงเขตแดนพวกนี้บอกอะไรมากไม่ได้ มันหยาบมาก ดูตรงนี้ทางตะวันออกเฉียงเหนือของจักรวรรดิมีประเทศมากมาย พวกมันรวมตัวกันตั้งกลุ่มชาติพันธมิตรพวกมันเหมือนจะรวมเอาหลายๆเมืองที่เป็นเมืองพวกกึ่งมนุษย์ ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจักรวรรดิมีช่องเขาจำนวนมากเรียกกันว่า แนวขบวนแถวขนาดยักษ์แห่งสเตล่า ถ้ำนับไม่ถ้วนมีกลุ่มมนุษย์ที่เลี้ยงมังกรบินยึดไว้ เผ่าพวกมันอาศัยอยู่ตรงนี้"
สรุปจากคำของไอส์ บริเวณนี้คล้ายๆกับ อู่ลิงหยวน แต่รูปร่างที่แน่นอนยังไม่เด่นชัด
"นักรบบนหลังมังกรบิน?"
ในอิกดราซิล มังกรบินสามารถเรียกมาได้โดยพวกที่มีอาชีพทหารม้าที่ถึงเลเวล30ปลายๆ ซึ่งยังไม่มีหลักฐานทำนองนี้ในโลกนี้ถึงการขี่พวกสัตว์ประหลาด
"มันเป็นแบบนี้...โดยปรกติพวกนี้กล่าวได้ว่าแข็งแกร่งมาก ถึงอย่างนั้นก็เถอะสำหรับมหาสุสานแห่งนาซาริคพวกมันไม่มีประโยชน์พอจะใช้บุกได้.... และข้างใต้ลงมาทางตะวันออกของทะเลสาบยักษ์ ------ถึงขอบแผนที่”
ไอส์ชี้ไปที่พื้นโต๊ะเลยแผนที่ออกไป
"เหมือนกับจะมีประเทศตรงนี้เรียกว่าประเทศราชันย์มังกร
"มังกร?"
"ใช่ มันเป็นประเทศที่ถูกสร้างโดยมังกรทรงพลังในอดีต เชื้อพระวงศ์ของประเทศนี้สืบสายเลือดมังกรมา....เรื่องนี้จริงหรือไม่ยังน่าสงสัยอยู่....เอาล่ะขอบเขตเนื้อหาการอธิบายเรื่องแแผนที่แค่นี้ล่ะ"
ถ้านี้เป็นโลกที่ไอส์อยู่ดดยใช้ชื่อของ ซาโทรุ ซูซูกิ แผ่นเคลือบทองชิ้นนี้คงเป็นของปลอมแต่ในโลกนี้ความเป็นไปได้ที่มันเป็นของจริงค่อนข้างสูง
“ท่านไอส์ค่ะ เช่นนั้นแล้ว ประเทศที่เราควรจะระวังตัวไว้คือศาสนจักรสเลน และ สมาพันธ์ยากรานเด้ซิน่ะค่ะ?”
ไอส์กอดอกแล้วปล่อยเสียง “อืม” ออกมา
ที่ต้องพูดถึงระดับหลายประเทศ เพราะเหตุที่ตอนนี้ไม่สามารถมองเฉพาะเจาะจงได้จากการขาดแคลนข้อมูล จากการตอบรับนี้อัลเบโด้โค้งศรีษะลงช้าๆ
“ขออภัยอย่างสูงค่ะ ประเทศนี้ก็ต้องคอยระวังด้วยเช่นกัน”
“....ถูกต้อง ถึงจะไม่มีอะไรที่พิเศษเกี่ยวกับประเทศนี้ มันยังเป็นไปได้ที่จะมีคนพิเศษที่มีมีพลังน่าเกรงขามจนต้องกังวลอยู่เป็นได้”
ไอ้คนที่ใช้เวิร์ดคลาสไอเทมกับแชลเทียร์ และพวกทำนองนั้น
ถึงแม้ความคิดเหล่านี้จะไม่ได้พูดออกมา มันก็ดูจะถ่ายทอดไปถึงอัลเบโด้
ไอส์จึงชี้ต่อไปที่บริเวณทางตะวันออกเฉียงใต้เลยแผนที่ออกไป
“ต่อไปทางตะวันออกมันเมืองชื่อว่า เมืองซี เลยต่อไปทางใต้มีอีกเมืองเมืองนี้ถูกสร้างโดยผู้ที่ชื่อว่า เจ้าแปดตัณหา มันเป็นเมืองที่ต้องกังวลให้มากที่สุด เมืองของเจ้าแปดตัณหานี้เป็นเมืองลอยฟ้าท่ามกลางทะเลทราย
(eight desire king ตอนหลังๆจะบอกว่ามีกันหลายคน แต่จากเล่ม4อิงเขียนไว้แค่คนเดียว)
“เมืองลอยฟ้า”
“นี้เป็นแค่คำเล่าลือและอาจจะไม่แม่นยำนัก แต่มันมีเมืองใหญ่อยู่ใต้เมืองลอยฟ้า อีกทั้งเหมือนกับว่าเมืองลอยฟ้าสามารถสร้างน้ำได้อย่างไม่จำกัด ส่วนเมืองใหญ่ข้างล่างก็ถูกล้อมรอบเวทย์มนต์ จนผู้คนแทบจินตนาการไม่ออกว่ามันอยู่ในทะเลทราย
ดวงตาอัลเบโด้แสดงความไม่เป็นมิตรออกมาแล้วกระซิบบางคำออกมา
“ท่านต้องการให้มีพวกข้ารับใช้ออกไปหาบังคับเอาข้อมูลมาไหมค่ะ”
“มันไม่จำเป็นต้องเสี่ยงขนาดนั้น ต่อให้ผู้ใช้เวิล์ดคลาสไอเทมมาถึงนี่ถ้ายังไม่เข้าใจความสามารถในการต่อสู้ของพวกมัน ก็ยังจำเป็นจะต้องเจอหน้ากันด้วยรอยยิ้มก่อน.........แชลเทียร์เป็นยังไงบ้าง?”
“ถ้าเกี่ยวกับการชุบชีวิต มันไม่มีปัญหาทางกายภาพ ยกเว้นแต่......”
“เจ้าลังเลที่จะพูด มันมีอะไรที่จะทำให้ข้าไม่พอใจหรือ?”
“อ่ะ! ขออภัยเป็นอย่างยิ่งค่ะ พอดีว่าทางด้านจิตใจเธอค่อนข้างมีปัญหา”
“....ผลจากการครอบงำจิตใจยังตกค้างอยู่งั้นหรือ? แม้ถึงขนาดชุบชีวิตจากที่ตายแล้วก็ยังไม่สามารถลบล้างผลจากเวิล์ดคลาสไอเทมได้งั้นหรือเนี่ย?”
“ไม่ ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ....เพราะแสดงความเป็นศัตรูและทำการต่อสู้กับท่านไอส์ ลึกๆเธอคิดว่านี้เป็นบาปที่ไม่สามารถอภัยให้ได้”
ไอส์งุนงงไปชั่วครู่
นั่นเป็นความผิดของไอส์คนเดียว แชลเทียร์ไม่ผิดอะไร เธอถูกบอกแบบนี้ไปตั้งหลายครั้งแล้ว
“โปรดอภัยการเสียมารยาทของดิฉันที่คัดค้านการตัดสินใจของท่านไอส์ด้วยค่ะ”
ไอส์พยักหน้าให้กับอัลเบโด้ผู้แสดงออกถึงความจริงใจ
“ดิฉันคิดว่ามันจะดีที่สุดถ้ามีการลงโทษอยู่บ้าง”
ลูกไฟในเบ้าตาของไอส์มืดลง เขาเปิดปากแต่ก็ปิดลงทันทีเพราะคนที่อยู่ตรงหน้าเขายังมีคำที่จะพูดต่ออีก
“.....แครอทและไม้เรียวเป็นสุภาษิตที่รู้กันทั่วไป ถ้าท่านไอส์ตัดสินใจทำการลงโทษ เช่นนั้นความรู้สึกผิดในใจของแชลเทียร์ก็จะหายไป ในทางตรงกันข้ามหากปราศจากการลงโทษความรู้สึกด้านลบในใจเธอก็จะไม่หายไป”
อย่างนี้นี่เอง มันจริงที่ว่าไม่สามารถมีการมอบรางวัลถ้าปราศจากการลงทัณฑ์ ทั้งสองอย่างต้องอยู่คู่กันเพื่อให้เป็นเหตุเป็นผล
พูดถึงเรื่องนี้แล้ว ระดับไหนกันที่เหมาะแก่การลงโทษและระดับไหนกันที่เหมาะแก่การให้อภัย ทั้งหมดนี้ถูกตัดสินโดยตัวไอส์ ถ้าเป็นแบบปรกติ ทุกอย่างจะถูกยกโทษอย่างง่ายดายโดยไอส์
ในอีกแง่ถึงมันจะลำบากกับแชลเทียร์อยู่บ้างแต่นี้ก็เป็นโอกาศที่ดีในการสอน
“....เข้าใจล่ะ ข้าจะลงโทษแชลเทียร์ซ่ะบ้าง”
“ดีแล้วค่ะ แบบนั้นย่อมดีที่สุด แล้วก็ต้องขออภัยในการเสียมารยาทของดิฉันด้วย”
“เจ้าพูดอะไร การเสนอความเห็นของเจ้าแบบเมื่อครู่เป็นสิ่งที่ข้าต้องการ เมื่อข้าเกิดจนปัญญาขึ้นมาการนำเสนอความคิดใหม่ๆแบบที่เจ้าทำอยู่ตอนนี้คือสิ่งที่เจ้าควรทำในฐานะของเจ้าที่เป็นหัวหน้าของเหล่าผู้พิทักษ์ประจำชั้นของมหาวิหารแห่งนาซาริคอย่างแท้จริง”
“ขอบพระคุณอย่างยิ่งค่ะ!”
ด้วยแก้มแดงๆและตาหยาดเยิ้มนั้น สาวงามระดับโลกได้โน้มศรีษะเธอลงให้แก่ไอส์ เพราะรู้สึกเขินจากคำพูดที่เปี่ยมความรู้สึกของเธอไอส์จึงโบกมือแทนคำตอบ”
“เมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าจะไปทำภารกิจ เรื่องทางนี้ข้าขอฝากไว้กับเจ้า”
“ค่ะ! โปรดวางใจดิฉัน! ในเวลาที่ท่านไอส์ไม่อยู่ ดิฉันจะดูแลจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยเอง”
ระหว่างอัลเบโด้พูด ไอส์ได้ยินถ้อยคำทำนองคำของภรรยาปนลงไปบ้างแต่เขาเมินมันเสีย เพราะอัลเบโด้ยังพูดไม่จบ
“อย่างไรก็ตามท่านไอส์ต้องระวังตัว ผู้ใช้เวิล์ดคลาสไอเทมที่ล้างสมองแชลเทียร์อาจจะโจมตีได้”
“งั้นหรือ!”
ตั้งแต่กลับถึงห้อง ไอส์เปล่งเสียงแสดงความไม่พอใจออกมาเป็นครั้งแรก
“ถ้าพวกมันมา จะโต้กลับไปง่ายๆ....คงไม่สามารถทำได้ วางใจเถอะอัลเบโด้ ถ้าข้าเจอศัตรูที่ไม่รู้จัก ข้าจะเอาการถอยไว้เป็นข้อสำคัญและจะเตรียมพร้อมสละเอาข้ารับใช้มาเป็นโล่่ป้องกัน”
ไอส์ค่อยๆมองไปที่เพดานแล้วจินตนาการถึงสัญญาณเตือนที่ควรจะอยู่ตรงนั้น
ผู้ใช้เวิล์ดคลาสไอเทมที่เป็นศัตรู เพลเยอร์ที่อาจจะหรืออาจจะไม่มีอยู่ และบางส่วนที่ยังหลงเหลือของเพลเยอร์ที่เคยอยู่ในอดีต แน่นอนว่าไม่จำเป็นจะต้องเป็นศัตรูเสมอไป อย่างไรก็ตามเรื่องเกี่ยวกับความปลอดภัยไม่ควรทำไปอย่างไม่ระมัดระวัง ฉะนั้นการเตรียมการต่างๆควรจะทำโดยคำนึงถึงสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด
“สิ่งแรกที่ต้องคิดคือก่อนจะยืนยันตัวตนของศัตรูได้ ปฏิบัติการต่างๆจะต้องเป็นไปอย่างลับที่สุด อย่างไรก็ตามมันก็จำเป็นที่จะต้องวางเหยื่อล่อเพื่อล่อเหยื่อให้ติดกับ....ทีนี้แผนแบบที่ว่าจะดำเนินการอย่างไรดีนี่ซิ?”
อัลเบโด้เบือนสายตาลงเล็กน้อย แต่จากปฏิกิริยาเช่นนี้ไอส์ก็คาดเดาได้แล้ว
"ตอนนี้ยังไม่ได้รับรายงานจากโคคิวตัส ส่วนรายงานของเอนโทม่าอยู่ในระดับที่คาดการณ์ไว้ และศึกก็เริ่มใกล้เข้าไปถึงจุดสิ้นสุดแล้ว ฉะนั้นรายงานเลยมีการเตรียมไว้ล่วงหน้าแล้ว”
"อย่างนั้นหรือ....เอาเถอะ ถึงจะไม่ใช่ผลที่ปราถนานัก มันก็ยังพอจะเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ออกมาได้บ้าง"
"ถ้าท่านคิดเช่นนั้น ดิฉันก็สบายใจ"
"ดีแล้ว ถึงข้าอยากจะไปดูด้วยตัวเอง แต่น่าเสียดายที่ภารกิจของข้ามันสุมกันเยอะข้าเลยไม่สามารถไปได้ แต่ข้าก็ยังอยากจะรู้สภาพการณ์ของศึกนี้ ฉะนั้นจงบันทึกศึกนี้ระหว่างพวกลิซาร์ดแมนและกองทัพของมหาสุสานแห่งนาซาริคไว้ซ่ะ
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น